ผ่าประเด็นร้อน
ไม่น่าเชื่่อว่าเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้นทำให้บางสิ่งพลิกผันเปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่อง จากคนที่เคยถูกมองว่าน่านับถือ กลับเผยตัวตนที่คาดไม่ถึงว่าจะ "เลวได้ใจ"ถึงเพียงนี้ ขณะที่อีกคนหนึ่งที่ในสายตาคนรู้ทันรับรู้ว่า "เลว" อยู่แล้ว แต่พอได้ยินคำสนทนา"ลับสุดลึก-ลึกสุดเลว"เมือวันก่อนก็ยิ่งนึกไม่ถึงว่าจะ "ชั่วไปไกล"ได้ถึงเพียงนี้ เพราะทุกลมหายใจเข่าออกล้วนแล้วแต่คิดเรื่องผลประโยชน์และอำนาจของตัวเองเพียงอย่างเดียว ไม่เคยจริงใจกับใคร ไม่เคยคบใครเป็นเพื่อน มีแต่ใช้ผลประโยชน์หลอกล่อแลกเปลี่ยนเพื่อให้ตัวเองถึงเป้าหมายเท่านั้น
แม้ว่าจะรู้สึกสมเพชเวทนากับพวกคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยที่พยายามหลับหูหลับตาเถียงว่า "คลิปเสียง" ทักษิณ ชินวัตร สนทนากับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมว่าเป็นคลิปตัดต่อ เลียนเสียงก็ตามก็ว่ากันไป แต่จะมีกี่คนจะโง่เชื่อแบบนั้น เพราะทั้งน้ำเสียงต่อเนื่่อง เนื้อหาสนทนารับรองว่าต้องเชื่อว่านี่คือเสียงของทั้งสองคนดังกล่าวแน่นอน เพียงแต่ว่าเมื่อฟังแล้วจะมีอารมณ์ความรู้สึกอย่างไรเท่านั้นจะเฉยๆ ไม่มีความรู้สึกอะไร เพราะชีวิตนี้ยอมเป็นทาสและขี้ข้าของ ทักษิณและครอบครัวชินวัตรไปแล้ว จะให้ไปขึ้นสวรรค์ลงนรกก็ไม่มีปัญหา กับความรู้สึกรังเกียจ โกรธ เกลียด ขยะแขยงยิ่งกว่าเดิม เพราะคาดไม่ถึงว่าจะเลวถึงขนาดนี้ มีเพียงอารมณ์ประเภทนี้เท่านั้น
อารมณ์พวกแรกก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าเป็นคนในพรรคเพื่อไทย ที่กำลังเค้นปัญญาว่าจะตะแบงกันอย่างไรให้เบี่ยงเบนไปไกลมากที่สุด หรืออีกมุมหนึ่งกลายเป็นว่าจะใช้เป็นช่องทางสร้างราคาฉวยโอกาส "ทำงาน(เลีย)"ให้เข้าตา ทักษิณ มากที่สุดเสียอีก เพราะอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้นิ่งเฉย เพราะถึงจะชี้แจงแบบโง่ๆอย่างไรก็ตามก็สร้างงานให้เห็นแล้ว
ส่วนอีกพวกหนึ่งที่มีอารมณ์อย่างหลังที่สะอิดสะเอียนนี่แหละน่ากลัวกว่าเป็นร้อยเท่า เพราะนี่คือการเห็นตัวตนที่แท้จริงของคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ว่า"เลวได้ใจ"แบบ "เกินลิมิต"จริงๆ เพราะทุกคำพูดในการสนทนากับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมที่ส่งเข้ามา "เป็นมือล้วงกองทัพ"แล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่า "ไม่เคยจริงใจ" ไม่เคยเห็นผู้นำกองทัพอยู่ในสายตา คิดเพียงแค่ว่าจะใช้ผลประโยชน์และตำแหน่ง "ฟาดหัว"เท่านั้น บรรดาผู้นำกองทัพที่อยู่ในเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่กำลังถูกวางตัวเป็นผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ที่จะแต่งตั้งกันในปีนี้ที่ล็อกชื่อเอาไว้ว่าต้องเป็น "อมรเทพลูกเขยเสี่ยเม้ง"เท่านั้น
ขณะที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ที่ก่อนหน้านี้ดคยยึกยึกกับนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของตัวเองมาวันนี้ก็อ่อนระทวย และเป็นไปได้ว่าหลังเกษียณอายุราชการก็จะมีอนาคตมีงานให้ทำ ไม่ต้องไปเลี้ยงหลานแล้ว รวมทั้ง ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีแนวโน้มในทำนองเดียวกัน ซึ่งในบทสนทนาทั้งสองคนดังกล่าวเป็นเป้าหมายหลักในการ "ซื้อ"คราวนี้ ไม่เว้นแม้แต่ผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่ต้องการดึงมาเข้าพวกเพื่อบีบอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศคนก่อนที่เคยเสนอชื่อ แต่ในปัจจุบันเป็นองคมนตรีแล้ว
แต่ที่น่าสะอิดสะเอียนก็คือการต่อรอง "จงรักภักดีแบบมีเงื่อนไข"นั่นคือต้องมีการแต่งตั้งให้ ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรีพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อแลกกับการหยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อกลับมาแล้วไม่แก้แค้นไม่เช็กบิลใคร ซึ่งความหมายตรงๆก็คือ "การข่มขู่สถาบันพระมหากษัตริย์"นั่นแหละว่าถ้าไม่อยากให้ทุกอย่างสงบก็ต้องดึงเขาเข้ามา "เป็นสายวัง" เท่านั้น
นั่นคือเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นหลังจากมีการ "ฮุบกองทัพ"เสร็จเรียบร้อยแล้วในปีหน้าคือปี2557 โดยจะเริ่มตั้งแต่การโยกย้ายผู้บัญชาการทหารเรือในปีนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้สิ่งที่น่าติดตามก็คือผลจาการสนทนาดังกล่าวจะมีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระไทยกับพม่าอย่างไร จะมองหน้าผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่าที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ พูดแบบไม่ให้เกียรติว่า "ไอ้อ่อง" หรือที่ ทักษิณ คุยโม้ว่าตัวเองได้รับมอบที่ดินจาก "ไอ้อ่อง"มาแปลงหนึ่งในกรุงย่างกุ้ง แต่ความหมายมากไปกว่านั้นก็คือหากจะผลประโยชน์เต็มที่จาก "โครงการทวาย"ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้เงินงบประมาณไปลงทุนที่นั่น ก็จะต้อง "ตีซี้" หรือ"เลี้ยง"ไอ้อ่องที่ว่ารวมไปถึง"ไอ้รัฐมนตรีกีฬาและโฮเต็ล"ของพม่าอีกคน วางแผนกันว่าถ้าได้สองคนนี้เป็นพวกแล้วก็สามารถไปชี้นำให้ประธานาธิบดีเต็งเส่งคล้อยตามได้ทุกเรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องหมายถึงผลประโยชน์อันมหาศาลที่รออยู่ข้างหน้า
จากคลิปคำพูดดังกล่าวทำให้มองย้อนกลับไปได้ทุกเรื่อง เพราะนี่คือตัวตนธาตุแท้ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทุกเรื่องต้องมีผลประโยชน์ ทำทุกทางเพื่อเอามาให้ได้ และบังเอิญว่าคราวนี้ความแตก ทำให้ความจริงได้ยืนยันปรากฏออกมา นี่ว่ากันเฉพาะที่จับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเรื่องอื่นละ บทสนทนากับคนอื่น กับนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นน้องสาวตัวเอง ลองหลับตานึกภาพเอาเองว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง หน้าฉากทำเป็นเสียสละ ไม่คิดเจ้าแค้น วางมือไม่ยุ่งการเมือง แต่แค่ที่บอกว่าให้แอบสับเปลี่ยนเป็นร่างพระราชกำหนดนิรโทษฯล้างผิดให้ตัวเอง มี"แผนฮุบกองทัพแบบขั้นบันใด" รวมไปถึงคิดการใหญ่ "ข้ามชาติ"ฮุบทวายของพม่า มันน่าสยดสยองสะอิดสะเอียนเพียงใด
แต่ขณะเดียวกันเมื่อฉาวโฉ่ออกมาแบบนี้มองอีกมุมหนึ่งมันก็ดีเหมือนกันเพราะนี่คือใบเสร็จตอกย้ำความเลวให้เห็นอีกครั้งว่านี่แหละตัวตนแท้จริง ว่าเลวไม่มีชิ้นดี !!