“เฉลิม” เข้าทำงานวันแรก เมินสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก่อนบินทัวร์ฮ่องกงตอนบ่าย ปัดดอดพบ “นช.แม้ว” เชื่อไม่น่าจะได้เจอและพูดคุยกัน พร้อมพลิกลิ้น “ไม่ใช้ขี้ข้าทักษิณ” แถที่เคยพูดเป็นขี้ข้าเพราะประชด ปชป. สอน “นายกฯ ปู” ผู้นำการเมืองต้องมีเสือเดินตาม ถ้ามีหมาตามผู้นำก็เจ๊ง ชี้ตอนนี้มีแต่ “แก๊งไอติม” คุมทำเนียบ ย้ำขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก เตือนจากนี้ไปการเมืองจะถึงขั้นสงครามแตกหัก รัฐบาลจะพังเพราะองค์กรอิสระ และคนมีชื่อเสียง อ้างกลุ่มธุรกิจน้ำเมา บริษัทขายเป็ดขายไก่คอยบ่อนทำลาย ขณะที่ “ทวี” ทำให้ถูกเด้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ก.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน เดินทางมาทำงานที่กระทรวงแรงงานเป็นวันแรก หลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย. ก่อนลาพักตรวจร่างกายประจำปีในการประชุม ครม.นัดที่ผ่านมา โดยมีคณะผู้บริหารและข้าราชการระดับสูงของกระทรวง นำโดยนายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. รวมถึง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ให้การต้อนรับ พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ
ร.ต.อ.เฉลิมมีสีหน้ายิ้มแย้ม ทักทายผู้ที่มาให้การต้อนรับ จากนั้นได้เดินขึ้นไปชมห้องทำงานที่บริเวณชั้น 6 สำนักงานปลัดกระทรวงทันที เป็นที่น่าสังเกตว่า ร.ต.อ.เฉลิมไม่ได้เข้าสักการะศาลท้าวมหาพรหมเทวฤทธิ์ ศาลพ่อปู่ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ท่ามกลางความสงสัยของข้าราชการประจำกระทรวง ที่ไม่ปฏิบัติเหมือนรัฐมนตรีคนอื่นๆ หลังจากนั้นได้เริ่มทำงานทันที ด้วยการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ผู้บริหาร และข้าราชการกระทรวงแรงงาน ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวกับผู้ที่มาต้อนรับว่า ไม่ได้ถือฤกษ์เวลาใดในการเข้าปฏิบัติงานที่กระทรวง และขอตั้งฉายาตัวเองหลังจากมารับหน้าที่ รมว.แรงงานว่า “จับกัง 1” ยืนยันตนไม่เคยพูดว่ากระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเกรดต่ำ คนที่พูดถือว่าเป็นนักการเมืองชาติชั่ว ซึ่งถ้ามองว่าเป็นเกรดเอ เกรดบี หรือเกรดซี ถือว่ามาหากิน ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 8 ที่มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็อยากจะมีอีก “ชีวิตผมเริ่มมาจากลบศูนย์ ศูนย์อยู่หน้าตัวเลขมันไม่น่ากลัว แต่ตราบใดศูนย์อยู่หลังตัวเลขหน้ากลัว เช่นวันนี้ชีวิต ร.ต.อ.เฉลิม ศูนย์อยู่หลังตัวเลข ผมไม่เคยดูหมิ่น ไม่เคยคิดว่ากระทรวงเกรด B เกรด C เกรด D”
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา ผลสำรวจทุกสำนักโพลยกเว้นนายกรัฐมนตรี ตนเป็นรัฐมนตรีทำงานเป็นอันดับ 1 ทุกโพล ดังนั้นตนมีสิทธิ์คิดและถามตัวเองว่าตนถูกปรับย้ายเพราะอะไร ตนเองมีความมุ่งมั่นปรารถนาที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งตนไม่มีสิทธิ์น้อยใจ หรือไม่พอใจนายกฯ ทั้งนี้ขอย้ำว่านายกฯ ไม่เคยตั้งให้ตนเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งหลังจากมีการเปลี่ยนโครงสร้างในการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการ แต่ก็ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ
“วันนี้มีแก๊งไอติมเต็มทำเนียบ พยายามกล่าวหาว่าผมไม่ตั้งใจแก้ไขปัญหาภาคใต้ เช่น กรณีที่สื่อพยายามถามว่าเหตุใดจึงไม่ลงพื้นที่ภาคใต้ ผมมองว่าสื่อเข้าใจผิด พร้อมขอฝากไปถึงนักการเมืองอย่าสร้างภาพในเรื่องของการลงพื้นที่เพียงแค่ไปฟังบรรยายสรุปแล้วกลับ เพราะจะสร้างความลำบากให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ทั้งนี้ยอมรับว่าผมล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ แต่เพิ่งได้รับตำแหน่งในช่วงเดือน พ.ย. 2555 ในฐานะ ผอ.ศปก.กปต. ซึ่งไม่มีอำนาจ และไม่มีงบลับใช้เลยแม้แต่บาทเดียว ทำงานด้วยใจ”
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนเองเข้าใจในดุลพินิจการปรับเปลี่ยนเป็นสิทธิอันชอบธรรมของนายกฯ แต่สื่อบอกว่าตนไปอาศัยพรรคเพื่อไทยก็ไม่ผิด ตนไม่ได้อาศัยอย่างเดียว “ที่ผ่านมา ผมไม่ใช่ขี้ข้าของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตฯ ที่เคยพูดไว้ว่าเป็นเพราะต้องการประชดพรรคประชาธิปัตย์ ผมกับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเพื่อนรักกันมานาน รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2516 เรียกมึง-กูมาโดยตลอด ฝึกงานมาพร้อมกัน ปี 2549 ตอนที่เกิดพรรคพลังประชาชน สมัยนั้นคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่ได้เป็นนายกฯ ไปพบผมที่บ้านริมคลองบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณขอให้ผมไปพบที่ลอนดอน เมื่อผมไปถึงที่สนามบินฮีทโธรว์ คุณยิ่งลักษณ์เอารถโรลส์รอยซ์สีน้ำเงินเข้มมารับ และพอไปถึงสถานีรถไฟ พ.ต.ท.ทักษิณก็มารอรับลงจากรถ เรากอดกัน 15 นาที ผมน้ำตาไหลเพราะสงสารเพื่อนที่ถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี ช่วงเวลานั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้ชวนผมเข้าพรรคพลังประชาชน เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ก็ได้มาพบที่บ้านบอกว่าผมเป็นขุนศึกฝั่งธนฯ นายสมัครเป็นขุนพลกรุงเทพฯ หาเสียงจนได้เป็นรัฐบาล นายสมัครได้เป็นนายกฯและผมเป็น มท.1 อยู่ได้ 8 เดือนก็เกิดแก๊งออฟโฟร์ แต่วันนี้ที่ทำเนียบฯ มีแก๊งไอติม”
รมว.แรงงานกล่าวว่า ผู้นำการเมืองต้องมีเสือเดินตาม ถ้าวันหนึ่งมีหมาเดินตาม ผู้นำก็เจ๊งเพราะไม่มีใครเกรงใจ ตนพูดเป็นปริศนาธรรม ตนไม่เคยสอพลอนายกฯ ไปต่างประเทศไม่เคยไปส่ง และไม่เคยรับกลับจากต่างประเทศ แต่ทำงานให้ท่าน ที่พูดตนไม่ได้น้อยใจ แต่จะบอกว่า This is a politic (นี่คือการเมือง) ทั้งนี้ชีวิตตนเล่นการเมืองมีขบวนการทำลายมาโดยตลอด คนที่พูดวันนี้ก็เป็นรัฐมนตรีว่าการ และยังบอกว่าให้ก้าวข้ามทักษิณไปให้ได้ แต่ตนบอกว่าถ้าพูดอย่างนั้นมาเป็นรัฐมนตรีในพรรคเพื่อไทยทำไม วันนี้ถ้าเล่นการเมืองในไทยแล้วไปทะเลาะกับ พ.ต.ท.ทักษิณจะเหลือแค่ตัวกับเงาเท่านั้น
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า สาเหตุที่กลุ่มผู้ชุมนุมหน้ากากขาวพักการเคลื่อนไหวเนื่องจากกลุ่มนายทุนไม่ให้การสนับสนุน ซึ่งตนเองไม่ได้ไปข่มขู่ วันนี้สถานการณ์การเมืองไม่ปกติ เป็นสงครามสู้รบ ดังนั้นการเดินหน้าออกกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือแม้กระทั่งการเดินหน้าโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ยังต้องเจออุปสรรค จากกลุ่มผู้คัดค้านอีกมาก ดังนั้นเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฉบับของตนต้องเดินหน้าก่อน ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.กู้เงิน ให้หยุดก่อน แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ เเละพรรคก็ไม่เห็นด้วย
“ผมมองว่าจากนี้ไป นายกฯ จะเจออุปสรรคขวากหนามทางการเมืองเข้ามาอีกมาก ขอย้ำว่า กลุ่มธุรกิจน้ำเมา บริษัทขายเป็ดขายไก่ เป็นขบวนการส่วนหนึ่งที่ทำลายผม แต่ผมเองไม่โกรธ ไม่เกลียด เพราะการเมืองไทยเป็นแบบนี้ถ้าทำใจไม่ได้อยู่ในวงการเมืองต่อไปไม่ได้”
ส่วนการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นเพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว่า ก่อนที่จะไปพูดคุยนั้นจะต้องขออนุมัติคณะกรรมการ ศปก.กปต.ก่อน จากนั้นเมื่อพูดคุยเสร็จก็ต้องมารายงานให้ตนเองรับทราบ แต่กลับไม่มีการรายงานให้ทราบ มีเพียงการแถลงข่าวที่ประเทศมาเลเซีย ขณะที่ครั้งสุดท้ายที่แตกหักคือกรณีที่นายฮัสซัน ตอยิบ แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น ออกมาระบุผ่านทางเว็ปไซค์ยูทูปว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ฆ่า 6 ศพที่ปัตตานี โดยการประชุมก่อนที่ตนเองจะถูกปรับออกจากตำแหน่ง ปรากฎว่าพิสูจน์ทราบได้ว่า 6 ศพ ตายเพราะกระบวนการของกลุ่มบีอาร์เอ็น ซึ่งตนเองบอกว่าต้องแถลงให้ประชาชนได้รับทราบ แต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนายการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ไม่ยอมแถลง คัดค้านตนเองในที่ประชุมมีการถกเถียงกัน
“สุดท้ายผมก็บอกว่า หาก พ.ต.อ.ทวี เส้นใหญ่ จะทำงานได้ คุณต้องย้ายผมออกจากการดูแล ศปก.กปต. ซึ่งผมไม่ได้ขัดแย้ง หรือทะเลาะ และยืนยันว่าต้องการให้การเจรจาประสบความสำเร็จ ขณะที่ทุกวันพุธ เวลา 13.00 น. ผมจะมีการวิเคราะห์การเมืองกับสื่อมวลชน เป็นประจำที่กระทรวงแรงงาน”
ร.ต.อ.เฉลิมยังได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนด้วยว่า ตนเองมีกำลังจะเดินทางไปเกาะฮ่องกง ซึ่งมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่นั่น โดยเชื่อว่าไม่น่าจะได้พบหรือพูดคุย ยืนยันว่าไม่มีการต่อรองตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ไปแล้ว ทั้งนี้ไม่น้อยใจ และไม่ได้มองว่าเป็นการลดตำแหน่ง แต่รู้สึกเสียดายเพราะตนเองได้แก้ไขปัญหายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง และถูกที่ถูกทาง ขณะเดียวกัน รู้สึกเป็นห่วงรัฐบาล ที่มีแก๊งไอติม พร้อมเชื่อว่าองค์กรตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ผู้มีชื่อเสียงในวงการ จะทำให้รัฐบาลสั่นสะเทือน ถึงขั้นล้มรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และบุคคลนอกวงการที่พูดแล้วประชาชนคล้อยตาม โดยเห็นว่ารัฐบาลจะต้องเหนื่อยมากขึ้น