องคมนตรี “เกษม” ปาฐกถางานเสวนาจริยธรรมสื่อมวลชน ระบุสังคมออนไลน์กำลังมีอิทธิพลมาก เป็นจุดเปลี่ยน ชี้สำนึกและทักษะเป็นสิ่งสำคัญพาชาติพ้น 3 กับดัก ความน่าเชื่อถือของรัฐ-ความเหลื่อมล้ำในสังคม และการสร้างคุณค่าของเอกชน เตือนอย่าเอาใจนักการเมือง
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ จัดงานเสวนา “จริยธรรมสื่อในสังคมไทย” เนื่องในโอกาสครบรอบ 16 ปี โดยนายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อจริยธรรมสื่อมวลชนว่า เป็นองค์กรที่สำคัญซึ่งถือว่ามีอิทธิพลต่อวิธีคิดของประชาชน โดยในยุคแรกเป็นยุคบริโภคข่าวชุดเดียวกัน เนื้อหาสาระเป็นข่าวที่ถูกนำเสนอไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่เกิดขึ้นจากภายในหรือภายนอกประเทศก็ตาม ยุคต่อมาเป็นยุคข่าวเฉพาะกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งประชาชนสามารถเลือกรับรู้ข่าวสารได้หลากหลายมากขึ้น และในยุคปัจจุบันเป็นยุคผู้บริโภคสร้างข่าวเอง ซึ่งสามารถกำหนดทิศทางและควบคุมการนำเสนอให้เป็นไปตามที่แหล่งข่าวต้องการได้ แต่ปัจจุบันสื่อสารมวลชน ที่กำลังมีอิทธิพลมากในกลุ่มวัฒนธรรมใหม่คือ สื่อมวลชนที่ถูกนำเสนอในรูปแบบโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นักสื่อสารมวลชน และสถาบันการศึกษาต้องหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น
องคมนตรีกล่าวว่า ตนมองว่าอิทธิพลของงานข่าว สามารถแยกออกเป็น ข่าวที่มาจากการสร้างกระแส ทั้งที่เป็นเรื่องเท็จ หรือเรื่องจริง ข่าวสร้างค่านิยม ซึ่งมากจากวัฒนธรรมของสำนักข่าว ข่าวสร้างพวกสร้างค่าย และข่าวสร้างปัญญา ซึ่งข่าวทุกประเภทมีอิทธิพลอย่างมากกับประชาชน ดังนั้น การให้นักสื่อสารมวลชนตระหนักถึงจริยธรรมจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น โดยอาศัยการควบคุมอย่างเหมาะสมจากองค์กรวิชาชีพ และจิตสำนึกที่มาจากค่านิยมของนักข่าวและสำนักข่าวต่างๆ ส่วนเรื่องของสำนึกและทักษะถือเป็นสิ่งสำคัญในวิชาชีพสื่อมวลชน และหวังว่าทั้งสองสิ่งนี้จะช่วยให้บ้านเมืองพ้นจากกับดักทั้ง 3 อย่าง คือ 1. ความน่าเชื่อถือของรัฐ 2. ความเหลื่อมล้ำในสังคม และ 3. การสร้างคุณค่าของภาคเอกชน เพื่อให้การร่วมมือกับภาครัฐทำประโยชน์แก่บ้านเมือง ทั้งนี้ ไม่อยากให้วิชาชีพสื่อมวลชนทำงานเพื่อเอาใจนักการเมืองและไม่ละเลยความถูกต้อง เพื่อช่วยกันทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ จัดงานเสวนา “จริยธรรมสื่อในสังคมไทย” เนื่องในโอกาสครบรอบ 16 ปี โดยนายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อจริยธรรมสื่อมวลชนว่า เป็นองค์กรที่สำคัญซึ่งถือว่ามีอิทธิพลต่อวิธีคิดของประชาชน โดยในยุคแรกเป็นยุคบริโภคข่าวชุดเดียวกัน เนื้อหาสาระเป็นข่าวที่ถูกนำเสนอไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่เกิดขึ้นจากภายในหรือภายนอกประเทศก็ตาม ยุคต่อมาเป็นยุคข่าวเฉพาะกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งประชาชนสามารถเลือกรับรู้ข่าวสารได้หลากหลายมากขึ้น และในยุคปัจจุบันเป็นยุคผู้บริโภคสร้างข่าวเอง ซึ่งสามารถกำหนดทิศทางและควบคุมการนำเสนอให้เป็นไปตามที่แหล่งข่าวต้องการได้ แต่ปัจจุบันสื่อสารมวลชน ที่กำลังมีอิทธิพลมากในกลุ่มวัฒนธรรมใหม่คือ สื่อมวลชนที่ถูกนำเสนอในรูปแบบโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นักสื่อสารมวลชน และสถาบันการศึกษาต้องหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น
องคมนตรีกล่าวว่า ตนมองว่าอิทธิพลของงานข่าว สามารถแยกออกเป็น ข่าวที่มาจากการสร้างกระแส ทั้งที่เป็นเรื่องเท็จ หรือเรื่องจริง ข่าวสร้างค่านิยม ซึ่งมากจากวัฒนธรรมของสำนักข่าว ข่าวสร้างพวกสร้างค่าย และข่าวสร้างปัญญา ซึ่งข่าวทุกประเภทมีอิทธิพลอย่างมากกับประชาชน ดังนั้น การให้นักสื่อสารมวลชนตระหนักถึงจริยธรรมจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น โดยอาศัยการควบคุมอย่างเหมาะสมจากองค์กรวิชาชีพ และจิตสำนึกที่มาจากค่านิยมของนักข่าวและสำนักข่าวต่างๆ ส่วนเรื่องของสำนึกและทักษะถือเป็นสิ่งสำคัญในวิชาชีพสื่อมวลชน และหวังว่าทั้งสองสิ่งนี้จะช่วยให้บ้านเมืองพ้นจากกับดักทั้ง 3 อย่าง คือ 1. ความน่าเชื่อถือของรัฐ 2. ความเหลื่อมล้ำในสังคม และ 3. การสร้างคุณค่าของภาคเอกชน เพื่อให้การร่วมมือกับภาครัฐทำประโยชน์แก่บ้านเมือง ทั้งนี้ ไม่อยากให้วิชาชีพสื่อมวลชนทำงานเพื่อเอาใจนักการเมืองและไม่ละเลยความถูกต้อง เพื่อช่วยกันทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง