รายงานการเมือง
ครม.ปู 5 โฉมใหม่แต่ดูแล้วพื้นๆ ศัลยกรรมใหม่แม้ไม่เลวลง แต่ก็ไม่ได้กระตุกอารมณ์สังคมให้เชื่อมั่นมากขึ้นกว่าเดิมแต่อย่างใด ทีมเศรษฐกิจก็หน้าเก่าเหลาเหย่ แค่เขย่าขวดสลับเก้าอี้ เช่นเดียวกับความมั่นคงก็ย้ายไปย้ายมาน่ารำคาญ ไม่สามารถคาดหวังผลอะไรได้จริงจัง
งานแรกที่แทบจะทำกันในทันที ขึงขังประกาศเดินหน้าต่อต้านทุจริตคอรัปชัน แต่คนดูไม่รู้สึกตื่นเต้น มองเป็นเรื่องชินชาฉายหนังซ้ำเก่า เคยพูดมาแล้วซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผลงานในเชิงปฏิบัติติดลบ จับต้องไม่ได้ ซ้ำยังนินทาด่าลับหลัง
จะปราบโกงควรไปปราบกันภายในให้เรียบร้อยก่อน คนโกงจะมาปราบโกงฟังแล้วจั๊กกะจี้...
เรื่องราวฉาวโฉ่ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีมาตั้งแต่ตั้งตั้งไข่ใหม่ๆ แล้วก็เหม็นคละคลุ้งเรื่อยมา สังคมคล้อยตามและเห็นด้วยว่ามีตัวการใหญ่ในรัฐบาลคอยชักหัวคิวกินเปอร์เซ็นต์แทบทุกโครงการ
“เจ๊ ด.” ผู้ทรงอิทธิพลในรัฐบาลชุดนี้ ยืนเงาดำทะมึนร่างใหญ่ซ้อนทับอยู่หลังรัฐมนตรีแทบทุกคน
เกิดข่าวคาวไปทุกหัวระแหง ทั้งวงการเมือง และวงราชการ โครงการใหญ่น้อยต้องผ่านการงาบจากผู้ทรงอิทธิพล 30-40 เปอร์เซ็นต์ ถึงวันนี้ข้อสงสัยดังกล่าวก็ไม่เคยได้รับคำตอบที่เด่นชัด เงินปากถุงที่ถูกชักไปเกือบครึ่งทำเอาพุงกาง ท้องอืดท้องเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยวไปแล้ว ประชาชนได้เห็นแต่ภาพอุจาดตา
ประเทศไม่มีเงินเหลือให้โกง ในที่สุดก็ต้องกู้มาโกง!!
วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ยิ่งลักษณ์นำ ครม.พร้อมด้วยปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ร่วมประกาศเจตนารมณ์เดินหน้าพัฒนาประเทศไทย ยึดหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ร่วมกันสานต่อนโยบายปราบปรามการทุจริตคอรัปชัน
สร้างมิติใหม่ให้เป็นคณะรัฐมนตรีที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมให้ทุกฝ่ายของสังคมเข้ามาร่วมตรวจสอบให้เกิดความมั่นใจ
“ยิ่งลักษณ์” เน้นย้ำเรื่องต่อต้านการทุจริตของรัฐบาล ด้วยการให้ภาครัฐเปิดเผยข้อมูลในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทุกขั้นตอน และบอกว่าปี 2556-2557 รัฐบาลมีแผนจัดตั้งที่ปรึกษาพิเศษคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ป.ป.ท. จากหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม จังหวัด ผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อธิการบดีสถาบันอุดมศึกษา และผู้อำนวยการองค์การมหาชน จะจัดทำโครงการ 1 กรม 1ป้องกันโกง จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตประจำกระทรวง
พร้อมคุยโวตบท้ายว่าการดำเนินกิจกรรมต่างๆภายใต้ยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชันตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มีความก้าวหน้าจากนโยบาย 4 แผนงานเชิงรุกของรัฐบาล คือ 1. การปลูกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักรู้ 2. การพัฒนาองค์กร 3. การตรวจสอบและเฝ้าระวังเชิงรุก 4. การปราบปรามที่จริงจังและการลงโทษที่เข้มงวด
นั่งฟังแล้วอยากหลับ ขับเสภาบทเดิมๆ เจตนารมณ์ที่รัฐบาลประกาศออกมา เป็นเพียงการเขียนออกมาพูดให้ดูดีแค่นั้น วันนี้ปัญหาอยู่ที่นักการเมืองและข้าราชการเลวๆ ที่รวมหัวกันโกง แต่กลับไม่มีการพูดถึงเรื่องเหล่านี้ เอาแต่บอกว่าจะตั้งนั่นตั้งนี่ ตั้งหน่วยงานปราบโกงในกระทรวง ทบวง กรม รับประกันซ่อมฟรี
สุดท้ายเรื่องก็กลายเป็นตั้งหน่วยงานขึ้นมาเป็นองค์กรพิทักษ์การโกงให้รัฐบาลขี้ฉ้อ เช่นป.ป.ช.ชี้ว่าโกง หน่วยงานที่รัฐตั้งขึ้นใหม่ก็จะออกมาช่วยค้านโครงการที่มีปัญหาว่าไม่มีการโกง ทำลายน้ำหนักความเชื่อถือของป.ป.ช. นี่มันเป็นกลอุบายที่ต้องรู้กันให้ทันเกม อย่าหลงดีใจ
นักการเมืองสันดานโกงพวกนี้ มันเป็นต้นมะม่วงป่า จู่ๆจะกลับกลายเป็นต้นองุ่นนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก
หากจะแก้จุดสำคัญก็ต้องเริ่มจัดการพวกโกงๆที่นั่งกันหน้าสลอนอยู่ในรัฐบาลก่อน ไม่ต้องไปพูดจาเพ้อฝันเรื่อยเปื่อย แต่ทำไม่ได้จริง สังคมจะเอือมระอาเปล่าๆ
สิ่งที่รัฐบาลประกาศออกมาคนนินทา หมาดูถูก ว่าเป็นการรวบรัดตัดต่อมาจากภาคเอกชน พวกชมรม สมาคมต่อต้านการคอรัปชั่น ไม่เห็นมีอะไรแปลกใหม่ เขาออกแคมเปญพวกนี้มาเนิ่นนานแล้ว แม้แต่ในสถาบันการศึกษาก็สอนกันในวิชาปลูกจิตสำนึกอย่างแพร่หลาย รัฐบาลไม่เคยรับรู้ในเนื้อหา แต่ใจกล้าหน้าด้านหยิบเอามาสร้างเป็นวาทกรรมสร้างค่า สร้างราคาให้ตนเอง
ถ้ารัฐบาลจะเริ่มต้นเรื่องนี้อย่างจริงจัง และสังคมพอจะเชื่อได้บ้าง ก็ต้องเริ่มด้วยการลากคอคนในรัฐบาลมาประจานทุจริต เอานักการเมืองและข้าราชการชั่วๆ มาแฉพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำได้แบบนี้จะได้แต้ม ได้คะแนนจากสังคมบานเบอะ
แต่รับประกันซ่อมฟรี เอาเข้าจริงก็ไม่มีทางเห็นภาพแบบนี้เกิดขึ้น ไม่รู้ชาติหน้า ชาติไหนจะมีจริง ตราบใดที่การเมืองไทยยังควบคู่กับการคอรัปชั่น ล้างอย่างไรก็ล้างกันไม่ออก ยิ่งรัฐบาลชุดนี้ห่วงหน้าห่วงตา ห่วงภาพลักษณ์ เหมือนหน้าตา “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกฯจอมฉุยฉาย ทำงานเหมือนตำแหน่งเลขานุการ ไม่มีลูกเด็ดขาด แล้วจะเอาความกล้าที่ไหนไปฟันพวกกันเอง ก็คงต้องทนให้สวาปามมูมมามกันต่อไป
ห่วงภาพลักษณ์ขนาดนี้ หากเอา รมต.มาประจานสักคนสองคน ก็จะพาลคิดไปเองว่ามันจะเป็นซ้ำเติมภาพลบ ขยายภาพเน่าฟะของรัฐบาลออกไปอีก นี่คือความคิดของพวกสมองกลวงในรัฐบาล ทั้งที่ประชาชนบางส่วนอาจชื่นชมยินดีที่กล้าทำในสิ่งที่ควรทำ กล้าฆ่าแกงแม้แต่คนกันเอง อาจได้แต้มมากกว่าด้วยซ้ำ
การทุจริตคอร์รัปชันมันฝังรากลึกลงไปในรัฐบาล ล้างแคะอย่างไรก็ไม่ออก รัฐบาลก็ทำได้เพียงแสดงปาหี่ ประกาศต่อสู้ ต่อต้าน แล้วแต่จะประดิษฐ์คำมาเปลี่ยนงานอีเวนต์เล่นขายของ
ผลงานด้านลบฉาบไปด้วยทุจริตเกิดขึ้นไม่เว้นวาง โครงการใหญ่ๆของรัฐบาลก็หนีไม่พ้นข้อครหาเหล่านี้ โครงการรับจำนำข้าวที่ขาดทุนมหาศาล ก็ทำให้ต่างชาติมองมาด้วยความเคลือบแคลง ยิ่งบอกตัวเลขทุจริตสูงมากเท่าไหร่ ยิ่งน่าสงสัยถึงกระบวนการโกง
ต้องไปไล่ปราบปรามปลาซิวปลาสร้อย ตรวจค้นโกดัง โรงสี จับแพะมาบูชายัญ สร้างภาพกลบข่าวฉาว แต่เชื่อขนมกินได้ พวกพ่อค้าที่อิงแอบรู้กันกับนักการเมือง ก็ลอยตัวประพฤติชั่วต่อไปได้สบายบรื๋อ แค่จ่ายเปอร์เซ็นต์งามๆ ก็อยู่รอดปลอดภัย
หน่วยทุจริตปราบปรามเข้มแข็งมาจากไหนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมีเกราะกำบังชั้นดี
รัฐบาลชุดนี้บริหารในรูปแบบ “ธุรกิจการเมือง” เงินเป็นปัจจัยหลักหมุนเวียนในแทบทุกเรื่องราว เก็บเงินเข้ากงสี เครือข่ายตระกูล จนไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ไหน ขณะที่ประชาชนจนแล้วจนอีก จนซ้ำซาก นักการเมืองรวมหัวกับข้าราชการเลวๆ นักธุรกิจ พ่อค้าชั่วๆ ปล้นเงินประชาชนเอากันหน้าด้านๆ สิ้นหวังแล้วประเทศไทย!!
เรื่องปราบปราม ต่อสู้ทุจริตคอร์รัปชัน เป็นเพียงวาทกรรมที่หยิบมาฉายหนังซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดไปพูดมามันก็เป็นคำเดิมๆ เพราะเป็นเพียงข้อความที่เคยเขียนไว้แล้วมาใช้ใหม่ ไม่มีผลงานอะไรมาพูดเป็นข้อมูลต่างจากเดิม นักการเมืองชั่ว ข้าราชการเลวก็ยังลอยนวล ปล้นชาติกันสนุกมือกันต่อไป รัฐบาลทำได้แค่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่
เพราะผู้ทรงอิทธิพลในรัฐบาล อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้เอง!!