สะเก็ดไฟ
จัดกระบวนทัพ ปรับ ครม.กันขนานใหญ่ หลังทนพิษบาดแผลไม่ไหวกับอภิมหาโปรเจกต์ฟอร์มยักษ์ยี่ห้อนายห้างตราดูไบ อย่างโครงการรับจำนำข้าวที่ขาดทุนยับเยิน แต่ชาวนาได้ประโยชน์กันไม่กี่บาท ส่วนใหญ่ไหลไปกับเข้ากระเป๋าบรรดาโรงสี และคนในเครือข่ายกันจนอิ่มแปล้
วันนี้พิสูจน์แล้วบรรดานอมินีมือไม้ที่ทีมงานเจ๊ ทีมงานเฮีย ส่งมาก็เป็นประเภทมือสวะ มูมมามตะกละตะกลามจนเอิกเกริก สุดท้ายหลักฐานฉาวโฉ่ทิ้งไว้เรี่ยราดส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งออกมาจนชาวบ้านชาวช่องเห็นกันล่อนจ้อน
แต่เมื่อในเป็นอภิมหาโปรเจกต์ที่เป็นของขึ้นห้าง การจะขยำทิ้งเอากลางคัน บรรดาฝ่ายต้านจะได้พร้อมใจกันรุมสกรัมกันจนเสียสูญ เลยต้องผ่อนกระแสร้อนด้วยการปรับลดราคารับจำนำข้าวจากตันละ 15,000 บาท ให้เหลือเพียง 12,000 บาท พร้อมกับจำกัดวงเงินไว้ครัวเรือนละ 500,000บาท
พร้อมทั้งเลี่ยงบาลีพลิ้วตามสไตล์ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” อ้างไม่ได้ผิดสัญญา แต่เป็นนโยบายเร่งด่วนที่ได้ทำมาแล้วในปีแรก รวมทั้งติดปลายนวมรักษาน้ำอกน้ำใจชาวนาให้ตัวเองดูดี สถานการณ์เศรษฐกิจโลกดีแล้วจะขยับขึ้นเท่าเดิมให้ ตามคิวชักแม่น้ำทั้งห้าสารพัดจะอ้างได้ตามใจ แต่สุดท้ายไม่มีใครเชื่อ เพราะชาวบ้านรู้ไส้รู้พุงกันหมด ถอยร่นเพราะโครงการมันเจ๊ง!!
เมื่อทนสภาพไม่ได้ก็เข้าอีหรอบสไตล์ “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เจอปัญหาต้องแก้ผ้าเอาหน้ารอดไว้ก่อน รีบเป่าหวูดจัดทีมงานกันใหม่ เร่งกอบกู้รัฐบาลน้องสาว ขืนปล่อยให้พวกแถวสองแถวสามบริหารประเทศกันต่อ ไม่ช้าก็เร็วได้เจ๊งกันยกกระบิแน่!!
ก่อนหน้ารายชื่อ ครม.ปู 5 จะโผล่ออกมา บรรดาเซียนการเมืองต่างซื้อหวยรอ อย่างไร “ทักกี้” ต้องเรียกใช้บริการพวก “แถวหนึ่ง” อย่างอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และอดีตเสนาบดีคู่ใจสมัยเรืองอำนาจเข้ามาฟื้นฟูสภาพรัฐบาล อย่างน้อยๆ เหลี่ยมคูเก่าๆ น่าจะช่วยให้การทำงานมันรื่นมันคล่องมากกว่านี้
แต่พอเปิดหน้าออกมาให้เห็นกันตามสื่อ แทนที่ภาพลักษณ์รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะหายหมองคล้ำ แต่ชาวบ้านชาวช่องเห็นเข้าถึงกับผงะร้อง “ยี้” ระงม
เพราะแทนที่จะเป็น “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” เข้ามาช่วยกอบกู้ “หญิงปู” ให้พ้นมรสุม แต่ยังคงอีหรอบเดิมคือ ระบบโควตา บรรดาเด็กเจ๊เด็กเฮียสลอนหน้ากันมาเต็ม บางรายเป็นประเภทเข้าวินเพราะตอบแทนบุญคุณชัดเจน ปรับ ครม.หนนี้
สุดท้ายเป็นแค่เพียงการล้างไพ่หลบปมฉาว!!
นอกจากจะไม่ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลกระเตื้องขึ้นมา การยกเครื่องใหม่หนนี้ยังสร้างแรงกระเพื่อมภายในพรรคตัวเองให้ยุ่งเหยิงอีกด้วย ส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทย ออกมากระจอแงแสดงความหงุดหงิดและเตรียมจะอาละวาดในที่ประชุมพรรคเร็วๆ นี้ หลังเห็นรายชื่อ “ครม.ปู 5” แล้วละเหี่ยใจ เพราะมีการดึงคนนอกเข้ามามาก แต่กับภาคอีสานที่เป็นฐานเสียงหลักของพรรคกลับถูกมองข้าม ตัดเหี้ยนเก้าอี้หายหด
แต่ที่ดูจะเป็นไฮไลต์ที่สุด คงหนีไม่พ้นในราย “เหลิม บางบอน” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ถูกเตะโด่งไปเป็น “รมต.จับกัง” ที่กระทรวงแรงงาน ที่ตามนัยการเมืองมันคือการลดชั้นฉีกหน้าแบบไม่ใยดี!!
“เฉลิม” เก็บอาการไม่อยู่ออกมาฟาดงวงฟาดลั่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สับแหลกโดนพวกเลื่อยขาเก้าอี้ พุ่งเป้าไปที่ “บิ๊กวี” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) คนกันเอง ที่ขี้ฟ้องไปบอกนายใหญ่หาว่าเปิดบ่อน
แถมด่ากระทบชิ่งถึง “ปูกรรเชียง” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประเภทพวกลอยตัวหนีปัญหา ทั้งที่ก่อนหน้ายังไม่โดนปรับตำแหน่งเพิ่งจะชมอยู่หยกๆ ว่าเก่งนักเก่งหนา เหมือนหมดรักก็สาวไส้จนกาอิ่ม
ว่ากันตามเนื้อเรื่อง อาการนี้แบบนี้ก็เข้าหนังม้วนเดิม ตามสไตล์ “เหลิมขี้งอน” ที่ทำเป็นประจำหลังถูกมองข้ามหรือถูกลดชั้น ย้อนกันสั้นๆ ไม่ต้องไปไกล เอาแค่ตอนพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านที่ “นายใหญ่” ดันให้ “โดเรมิ่ง” นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในการอภิปราย แต่มองข้าม “เหลิม บางบอน” จนสุดท้ายงอนตุ๊บป่องแถมอาละวาดพรรคแทบแตก
คิวซัดกันเอง แฉกันเองครั้งนี้เลยแทบจะเหมือนกันเป๊ะแบบลอกกันมา ไม่ได้ดังใจก็ใส่กันเละ!!
ล้วงแคะแกะเกาเบื้องหน้าเบื้องหลัง ลดชั้นเป็นแค่ “รมต.จับกัง” ของ “เหลิมบางบอน” หนนี้ เรื่องของเรื่องต้องส่องไปที่การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะตั้งแต่นั่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) นอกจะไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น แต่ยิ่งเละตุ้มเปะหนักกว่าเก่า
แถมตั้งคณะทำงานนู้นคณะทำงานนี้วุ่นวายไปหมด ที่สำคัญมีหน้าที่ดูแลความมั่นคง แต่เวลาลงภาคใต้ถึงกับต้องบังคับกัน!!
โดยเฉพาะทีมงานสายตรงดูไบ ที่ไปเจรจากับตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็นมาเลเซีย ที่ “เหลิมบางบอน” ให้สัมภาษณ์ดูถูกว่าไม่น่าจะแก้ไขปัญหาได้ ทั้งๆ ที่ลืมไปว่า คนดีลให้เกิดการเจรจาครั้งคือนายใหญ่นั่นแหละ
การไปเบิ้ลบลัฟแบบไม่ดูตาม้าตาเรือตามสไตล์โฉ่งฉ่างเท่ากับเป็นการด่านายใหญ่ทางอ้อม!!
นอกจากปัญหาไฟใต้แล้ว หลังๆ มาก็ชักจะเริ่มเรียกแขกมาเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากขาวที่ยิ่งด่ายิ่งเยอะ หรือกลุ่มนายทุนที่อยู่ดีไม่ว่าดีไปแขวะหาเรื่องให้รัฐบาล แม้แต่ “ยิ่งลักษณ์” ก็ไม่ได้แฮปปี้ด้วย
เมื่อไม่เข้าท่าก็จับโยนไปนั่งแช่เป็น “รมต.จับกัง” เสียให้เข็ด!!
อย่างไรก็ตาม ตามสภาพการณ์ฟัดกันเองหนนี้ “เหลิม บางบอน” น่าจะมีช็อตต่อเนื่องเรื่องแฉกันเองให้เห็นอีกสักยกสองยกสุดท้ายก็น่าจะเงียบไปเอง เพราะต้องอย่าลืมว่า เจ้าตัวหวังเป็นเสนาบดีที่ยืนยาวในรัฐบาลชุดนี้ ขณะเดียวกันยังมีชนักปักหลังเรื่องลูกชายที่ยังไม่เอาอ่าวหากตัวเองต้องหลุดจากวงโคจรไป อนาคตลูกชายคงมืดมนจนแต้ม
ที่สำคัญ ใครๆ ก็รู้ว่า “เหลิม” กลัวนายใหญ่ขนาดไหน ถึงอย่างไรก็คงแค่ “งอ” ไม่ถึง “หัก” ด้วย
ขมวดภาพปรับ “ครม.ปู 5” โดยรวมหนนี้ ความหวังที่จะให้ประเทศหลุดพ้นจากวิกฤติยังคงไกลลิบลิ่ว เพราะดูสภาพยังคงภาพ “บริษัทชินวัตร” ที่มีภารกิจช่วยนายใหญ่กลับบ้าน ไม่ได้ช่วยประเทศเหมือนเดิม
ช่วยนายใหญ่เป็นเป้าหมายหลัก กับอีกเป้าหมายเฉพาะหน้าคือ ผลักดันร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ให้ไปถึงฝั่งฝัน เพื่อเป็นเสบียงกรังบนหน้าตักในการขับเคลื่อนงานของพลพรรคเพื่อไทยให้เดินหน้าต่อไปได้
เจตนาหลักในการเดินเกมการเมืองมันรู้เช่นเห็นชาติมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว การจะปรับ ครม.เพื่อมุ่งหวังช่วยประชาชน มันแค่ฝันลมๆ แล้งๆ ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย และไม่ใช่โจทย์ที่ตั้งต้นไว้อยู่แล้วของรัฐบาลชุดนี้!!