ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ สับรัฐไม่มีข้อมูลที่ชัดจุดเก็บข้าวมีเท่าไหร่ สอดคล้องตอบยอดขาดทุนไม่ได้ ชี้ใช้ข้าราชการเช็กส่อไม่ได้ความจริงเหตุเอี่ยวโรงสี เชื่อได้แค่ลูบหน้าปะจมูก ตีปี๊บสร้างภาพ
วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าววิจารณ์การตรวจสอบปริมาณข้าวโรงสีทั่วประเทศให้เสร็จภายในวันนี้ (27 มิ.ย.56) ว่า ไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับโรงสีที่จะตรวจสอบ โดยล่าสุดบอกจะนับปริมาณข้าวในสต๊อกของรัฐ 2,506 จุดทั่วประเทศ จากเดิม 1,600 จุด แสดงว่ายังไม่มีความชัดเจนในข้อมูลพื้นฐานว่าจุดเก็บรักษาข้าวมีปริมาณเท่าไหร่กันแน่ จึงไม่ทราบว่ารัฐบาลสามารถทราบปริมาณข้าวที่เก็บได้อย่างไรว่าปริมาณเท่าไหร่ สอดคล้องกับความจริงที่มีความพยายามสอบถามเรื่องการขาดทุนก็ตอบไม่ได้ อีกทั้งตนคิดว่าการดำเนินการในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลจะใช้กลไกของรัฐในการตรวจสอบ คือ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสังกัดกระทรวงหรือรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งตำรวจอีกกว่า 2 หมื่นนาย จะทำให้รัฐบาลไม่ได้ความจริง เนื่องจากในส่วนของข้าราชการจะมีความผูกพันกับโรงสี โกดัง ดังนั้นการจะให้คนเหล่านี้ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยเอาจริงเอาจังกับรัฐบาลภายในวันเดียว ในขณะที่คนเหล่านั้นต้องอยู่ในพื้นที่อีกนาน จึงมีโอกาสว่าคนเหล่านี้จะไม่ทำงานอย่างจริงจัง เพราะรู้เบื้องหลังดีว่าแต่ละโรงสีใครเป็นแบ็ก รัฐบาลก็จะได้การทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก
นายองอาจ กล่าวว่า นอกจากนี้กำลังจะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้น ทำให้มีการเลื่อนวันไปตรวจข้าวจากเดิมกำหนดวันที่ 29 มิ.ย.มาเป็นวันที่ 27 มิ.ย. 56 โดยในครั้งแรกรัฐบาลก็ไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน แต่คราวนี้กลับบอกว่าจะตรวจให้ครบทุกจุดภายในวันเดียว ทั้งที่เป็นไปได้ยาก เพราะเซอเวเยอร์ที่มีความสามารถในการตรวจสอบว่าคุณภาพข้าวตรงกับที่มีอยู่ในโรงสีหรือไม่ ไม่ได้มีมากพอที่จะตรวจได้ 2,506 จุดภายในวันเดียว
“ผมไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่นั่งหัวเราะกับคำประกาศของรัฐบาล เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าการตรวจสอบดังกล่าวไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาการทุจริต แต่เป็นการตีปี๊บสร้างภาพ เป็นปาหี่ของรัฐบาลเพื่อโชว์คนไทยอีกชุดหนึ่ง จึงอยากฝากว่าหากต้องการแก้ปัญหาการทุจริตอย่าทำแบบนี้ ให้ตำรวจกว่า 2 หมื่นนายไปดูแลประชาชนในพื้นที่ดีกว่าที่จะมาทำกิจกรรมแบบนี้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่ารัฐบาลจะพยายามหาวิธีการอื่นๆ มาสร้างภาพเพิ่มเติมอีก เพราะการสร้างภาพเอาหน้ารอดไปวันๆ ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆ” นายองอาจ กล่าว