ประธาน ส.ส.กทม.ปชป.ตอกรัฐฯ สั่งผู้ว่าฯ-นายอำเภอล็อบบี้ขวางชาวนาเข้ากรุง ค้านลดราคาจำนำข้าว ทำผิดซ้ำหลังปกปิดตัวเลขระบายข้าว จี้รับความจริง เลิกพฤติกรรมช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด เย้ยตามหาข้าวพิจิตรหายแค่สร้างภาพปราบโกง แฉโรงสีเจ้าปัญหาโกงจนถูกปิด แล้วเปลี่ยนชื่อโกงใหม่ ชาวนาโวยตั้งนานเพิ่งตื่น ดักอ้าง จนท.ไม่ได้ปัญหาอยู่ที่ช่องโหว่โครงการ บี้ รบ.เยียวยา อัดนายกฯ เลิกใช้ปากปราบโกง
วันนี้ (24 มิ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีวันพรุ่งนี้ (25 มิ.ย.) จะมีกลุ่มชาวนาจะเดินเข้ายื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการปรับลดราคาจำนำข้าวจาก 15,000 เหลือ 12,000 บาทว่า สาเหตุที่กลุ่มชาวนาออกมาเรียกร้องก็เพราะว่าพวกเขาเดือดร้อน แต่รัฐบาลขณะนี้กลับใช้วิธีการปิดกั้นโดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอโดยเฉพาะในจังหวัดที่มีการปลูกข้าวไปล็อบบี้ชาวนาเพื่อไม่ให้เดินทางเข้ามาที่ กทม. ซึ่งการกระทำของรัฐบาลนี้ ตนถือเป็นการปิดกั้นการแสดงออกที่จะระบายความทุกข์ยาก และเดือดร้อนของชาวนา โดยจะเป็นการทำผิดซ้ำสอง หลังจากที่รัฐบาลนี้ได้ปกปิดตัวเลขการส่งออก และปริมาณข้าวแบบจีทูจี ซึ่งที่สุดจะเป็นการทำผิดซ้ำซาก แทนที่รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ชาวนาได้แสดงออก กลับมีพฤติกรรมเหมือนช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดไม่มิด จึงขอให้รัฐบาลยอมรับความจริงและออกมาแก้ไขปัญหาในโครงการรับจำนำข้าวทุกจุดดีกว่า
นายองอาจกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลตีปี๊บเอาจริงเอาจังกับการทุจริตโครงการจำนำข้าว กรณีข้าว 8 พันตัน มูลค่า 133 ล้านบาท ที่ จ.พิจิตรหายไปจากโกดังเก็บข้าวว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการเอาจริงเอาจังต่อการตรวจสอบการทุริต แต่เป็นการฉวยโอกาสจากความผิดพลาดในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเอง โดยเป็นการสร้างภาพ เพราะเหตุการณ์ใน จ.พิจิตรไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นใน 1 ถึง 2 เดือนนี้ แต่เกิดขึ้นตั้งแต่ ส.ค. 55 ที่มีชาวนา จ.พิจิตรหลายร้อยคนเอาข้าวสารไปจำนำกับโรงสีดังกล่าว โรงสีแห่งนี้เดิมชื่อโรงสีก้องเกียรติ มีปัญหาการทุจริตและถูกดำเนินคดีจนถูกสั่งปิดกิจการในปี 48 และ 49 แต่มาครั้งนี้โรงสีก้องเกียรติมีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโรงสีแอลโกลด์เมนูแฟกเจอร์ ซึ่งอยู่ที่ตั้งเดียวกันแต่แค่เอาป้ายชื่อใหม่ไปปิดทับป้ายชื่อเดิม แถมยังติดธงฟ้าของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กนข.) จากนั้นนายหน้าได้มีการไปกว้านซื้อข้าวจากชาวนา ทำให้ชาวนาหลงเชื่อนำข้าวไปจำนำกับโรงสีดังกล่าว แต่กลายเป็นว่ากลับไม่ได้รับใบประทวนจึงไปรับเงินไม่ได้ ซึ่งชาวนาเหล่านี้ได้ร้องเรียนไปตั้งแต่ 6 เดือนที่ผ่านมา แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับปล่อยให้ชาวนาเดือดร้อนข้ามปี
นายองอาจกล่าวว่า รัฐบาลที่หยิบเอาเรื่องนี้มาตรวจสอบโดยบอกว่าไม่ได้เกิดความผิดพลาดจากรัฐบาล แต่บอกว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยให้เกิดการทุจริต ทั้งที่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะช่องโหว่ในโครงการรับจำนำข้าวเอง ดังนั้น รัฐบาลต้องมีมาตราการช่วยเหลือเยียวยาชาวนาที่เดือดร้อนเป็นกรณีพิเศษ รวมถึงขอให้มีทีมกฎหมายช่วยเหลือต่อสู้คดีให้กับเกษตรกรที่เดือดร้อนด้วย
“การที่นายกฯ ออกมาบอกว่าจะปรามโกงจำนำข้าว อย่าทำด้วยปากแต่ต้องมีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อให้ฝ่ายปฏิบัติได้ลงไปทำงานให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นคำพูดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นคำพูดที่ลอยตามลมแค่นั้น” นายองอาจกล่าว