ดุสิตโพลเปิดผลสำรวจพบประชาชนส่วนใหญ่ 59% ไม่เห็นด้วยกับการลดราคาจำนำข้าว แต่ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการจำกัดวงเงินการรับจำนำข้าวจากชาวนา ส่วนทางออกในการแก้ปัญหาจำนำข้าว ส่วนใหญ่เห็นว่าควรเร่งดำเนินการกับผู้ทุจริต สวมสิทธิ โกงตาชั่ง โกงความชื้น
วันนี้ (22 มิ.ย.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,310 คน เรื่องทางออกโครงการรับจำนำข้าวในทัศนะของประชาชน จากกรณีที่รัฐบาลประกาศปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกปี 56 ลงเหลือ 12,000 บาทต่อตัน จาก 15,000 บาทต่อตัน และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 56 พร้อมจำกัดวงเงินการรับซื้อข้าวจากเกษตรกรไว้ที่ไม่เกินรายละ 500,000 บาท โดยคาดว่าจะขาดทุนปีละไม่ถึง 1 แสนล้านบาท เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน และเพื่อเป็นแนวทางที่จะช่วยกันหาทางออกให้กับรัฐบาล
ผลการสำรวจพบว่า อันดับ 1 ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการลดราคาจำนำข้าว ร้อยละ 59.16 เพราะส่งผลกระทบต่อชาวนาซึ่งได้รับความเดือดร้อนโดยตรง เนื่องจากมีการลงทุนซื้อปุ๋ย ซื้อยา ค่าน้ำมันไปแล้ว ชาวนาต้องสูญเสียรายได้ ขาดทุน ควรแก้ที่ต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงจะดีกว่าไม่ใช่มาแก้ที่ปลายเหตุ ฯลฯ อันดับ 2 เห็นด้วย ร้อยละ 25.19 เพราะช่วยลดภาระของรัฐบาลที่แบกรับมานาน ราคาที่ตั้งไว้ 15,000 บาทสูงเกินไป ควรอิงกับราคาของตลาด จะได้ไม่ขาดทุนหรือมีการทุจริตเกิดขึ้นในโครงการ ฯลฯ อันดับ 3 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 15.65 เพราะถึงอย่างไรชาวนาก็ยังปลูกข้าวตามปกติ จำนวนข้าวที่เหลือกับข้าวที่กำลังเก็บเกี่ยวรัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรควรศึกษาให้รอบคอบดูต้นทุนการผลิตด้วยว่าชาวนาต้องจ่ายไปเท่าไหร่ และดูสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกด้วย
ส่วนประชาชนเห็นด้วยหรือไม่กับการจำกัดวงเงินการรับซื้อข้าวจากเกษตรกรไว้ที่ไม่เกินรายละ 500,000 บาท อันดับ 1 เห็นด้วย ร้อยละ 42.75 เพราะรัฐบาลสามารถควบคุมการใช้เงินได้ โครงการจะได้ดำเนินต่อไป ทั้งรัฐบาลและชาวนาควรจะช่วยเหลือกันคนละครึ่งทาง ฯลฯ อันดับ 2 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 35.11 เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล ไม่ควรแก้ปัญหาโดยให้ชาวนาต้องได้รับความเดือดร้อน ฯลฯ อันดับ 3ไม่แน่ใจ ร้อยละ 22.14 เพราะ ชาวนาแต่ละรายปลูกข้าวในแต่ละปีมีจำนวนมากน้อยแตกต่างกัน ควรอิงราคาตลาดและดูสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกก่อน ฯลฯ
เมื่อถามอีกว่า ประชาชนคิดว่าทางออกในการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่จะไม่ทำให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ ควรทำอย่างไร อันดับ 1 ร้อยละ 29.96 เร่งดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิด ผู้ที่ทุจริต สวมสิทธิ์ โกงตาชั่ง โกงความชื้น อันดับ 2 ร้อยละ 23.82 ควรมีมาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดครั้งนี้ อันดับ 3 ร้อยละ 20.94 รัฐบาลต้องลงพื้นที่ด้วยตนเอง ชี้แจงข้อมูล เหตุผลต่างๆให้ชาวนาได้เข้าใจถึงความจำเป็นอย่างละเอียด อันดับ 4 ร้อยละ 17.68 ควรลดต้นทุนการผลิต ควบคุมราคาปุ๋ย น้ำมัน พัฒนาแหล่งน้ำแทนจะดีกว่า และอันดับ 5 ร้อยละ 7.60 เร่งหาตลาดเพื่อระบายข้าวที่ยังมีอยู่ให้หมดไป ก่อนที่ข้าวจะเน่าและขาดทุนมากกว่านี้