“นิด้าโพล” สำรวจความเห็นประชาชนพบส่วนใหญ่ 59% ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลลดวงเงินจำนำข้าว เพราะเห็นใจชาวนารายได้ลด ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทำให้มีหนี้เพิ่ม 54% เชื่อการหั่นราคาจำนำข้าวจะทำให้คะแนนนิยมเพื่อไทยแกนนำรัฐบาลลดลง
ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การปรับลดราคารับจำนำข้าว” ระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย. 2556 จากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,248 ตัวอย่าง
ผลสำรวจกรณีที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้ปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้า จากตันละ 15,000 บาท เป็น 12,000 บาท โดยมีผลตั้งแต่ 30 มิ.ย.เป็นต้นไป พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 59.62 ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นใจเกษตรกร ทำให้มีรายได้จากการขายข้าวลดลง อีกทั้งต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น ทำให้ชาวนาเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้น ควรไปแก้ไขการทุจริตคอร์รัปชันของระบบขั้นตอนจะดีกว่า ขณะที่ร้อยละ 36.62 เห็นด้วย เพราะรัฐบาลไม่ต้องแบกค่าใช่จ่ายส่วนต่างราคาข้าว ซึ่งทำให้รัฐขายข้าวขาดทุน
ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 63.38 ระบุว่า ไม่ควรลดราคาจำนำลง เพราะข้าวหอมมะลิเป็นข้าวที่มีคุณภาพดีอยู่แล้ว และมีต้นทุนในการผลิตสูง และร้อยละ 26.68 ระบุว่า ควรลดราคาการรับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิ เหมือนกับการรับจำนำข้าวเปลือกเจ้า 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าปรับก็ควรจะปรับลดให้เหมือนกัน
ส่วนตความคิดเห็นต่อการรับจำนำข้าวกับการประกันราคาข้าวว่านโยบายใดที่เกษตรกรจะได้ประโยชน์สูงสุด พบว่า ประชาชนร้อยละ 44.31 ระบุว่าเป็นการประกันราคาข้าว เพราะลดการทุจริตคอร์รัปชัน มีขั้นตอนที่ตรวจสอบได้ชัดเจนและละเอียดกว่าการรับจำนำ ช่วยให้รัฐบาลไม่ขาดทุน รองลงมา ร้อยละ 29.81 ระบุว่าเป็นการรับจำนำข้าว เพราะเกษตรกรจะได้ราคาที่สูงกว่าการประกันข้าวและได้เงินทันทีที่ขายข้าว ทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ และร้อยละ 13.30 เห็นว่าทั้งสองนโยบายไม่ทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์สูงสุด เพราะทั้งสองโครงการมีช่องโหว่ในการทุจริตเหมือนกัน ผลประโยชน์จะตกอยู่ที่โรงสีหรือพ่อค้าคนกลางมากกว่า
เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อแนวโน้มคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยจากการที่รัฐบาลลดราคาจำนำข้าวเปลือก พบว่า ประชาชนร้อยละ 54.17 ระบุว่า ลดลง เพราะฐานคะแนนเสียงส่วนหนึ่งมาจากเกษตรกร ทำให้เกษตรกรรู้สึกผิดหวังกับนโยบายประชานิยมที่เคยได้ให้ไว้ และอาจมีผลกระทบกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการจำนำข้าว ทำให้เครดิตของพรรคเพื่อไทยลดลง ขณะที่ร้อยละ 25.72 ระบุว่าเท่าเดิม เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน จึงไม่น่าจะมีผลแต่อย่างใด คิดว่าประชาชนน่าจะเข้าใจในสถานการณ์ มีเพียงร้อยละ 4.33 ระบุว่า เพิ่มขึ้น เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดทุนในโครงการจำนำข้าว