รองโฆษกมหาดไทย เผย มท.1 สั่งผู้ว่าฯ เร่งแจงลดราคาจำนำข้าวชาวบ้าน พร้อมสอบโกง เช็กสต๊อก มท.1 เผย “วราเทพ” เตรียมส่งเอกสาร 4 หน้าให้เป็นคู่มือทำความเข้าใจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ด้านโฆษกเพื่อไทยจับผิด “อภิสิทธิ์” กุตัวเลขขาดทุน หวังใช้นโยบายโจมตีรัฐบาล เตือนอย่าเสี้ยมขัดแย้งชาวนา โยน ส.ส.ลงพื้นที่เคลียร์เกษตรกรเดินขบวน
วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเมื่อเช้าวันนี้ที่ผ่านมา ว่านายวราเทพ รัตนากร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ มาชี้แจงถึงมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ปรับลดอัตรารับจำนำข้าว โดยนายวราเทพและนายบุญทรงพร้อมที่จะชี้แจงกับที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในสัปดาห์หน้าเพื่อทำความเข้าใจกับส.ส.ถึงเหตุผลและความจำเป็นของรัฐบาล เพื่อนำไปอธิบายกับประชาชนต่อไป
ส่วนการชี้แจงเรื่องการจัดสรรงบประมาณให้กับจังหวัดและท้องถิ่นไม่ได้มีการพูดคุยในที่ประชุมยุทธศาสตร์ โดยวันนี้ (21มิ.ย.) เป็นการประชุมเฉพาะกรรมการยุทธศาสตร์ ไม่ใช่ที่ประชุม ส.ส.ทั้งหมดจึงคุยแต่เฉพาะเรื่องการรับจำนำข้าวเท่านั้น ส่วนการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชี้แจงกับเกษตรกรในพื้นที่ นายจารุพงศ์ในฐานะ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ได้สั่งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งทำความเข้าใจ และประสานกับวิทยุในท้องถิ่นเพื่อประสานการถ่ายทอดสัญญาณของรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ในหัวข้อโครงการรับจำนำข้าวที่จะออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 และวิทยุแห่งประเทศไทย เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน โดยนายวราเทพและนายบุญทรงจะเป็นคนชี้แจง เมื่อจบรายการแล้วนายวราเทพจะส่งหนังสือชี้แจงจำนวน 4 หน้า ไปให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้เป็นคู่มือในการชี้แจงกับเกษตรกรและทุกภาคส่วน
นายจารุพงศ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดีการสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดครั้งนี้ไม่ได้มีการคาดโทษผู้ว่าราชการจังหวัดในการทำความเข้าใจกับชาวนา ที่ผ่านมาผู้ว่าฯ ได้รายงานความคืบหน้าและทำการชี้แจงอย่างเต็มที่โดยรายงานกลับมาที่โปรแกรม line ให้ทราบอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครใส่เกียร์ว่างเพราะทราบดีว่าเป็นนโยบายสำคัญ แต่จะกำชับให้นายอำเภอไปทำอย่างเดียวกับผู้ว่าราชการจังหวัดโดยให้ทำการชี้แจงซ้ำทุกอำเภอ โดยเฉพาะอำเภอที่มีข้าวนาปลังในฤดูกาลที่จะเก็บเกี่ยวนี้
นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะ รองโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบปรับลดราคารับจำนำข้าวจากตันละ 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาทนั้น นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ถึงเหตุผลและความจำเป็นของรัฐบาลในการปรับลดราคารับจำนำข้าวดังกล่าว พรัอมเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับตรวจสอบการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวอย่างใกล้ชิด ให้มีความโปร่งใสและยุติธรรม ไม่ให้เกิดการทุจริต พร้อมกำชับให้ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังและโรงสีข้าวที่เข้ารวมโครงการรับจำนำในเรื่องของสต๊อกข้าว และคุณภาพของข้าวที่รับจำนำเพื่อป้องกันการทุจริต
ขณะที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 10.30 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันตัวเลขการขาดทุนโครงการจำนำข้าว 2.4-2.6 แสนล้านบาท และถึงมือเกษตรกรแค่ 1.2 แสนล้านบาทว่า เป็นการกุตัวเลข นายอภิสิทธิ์พูดสองครั้งไม่เหมือนกัน ครั้งแรกบอกว่าโครงการขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท มีเงินถึงมือเกษตรกร 8 หมื่นล้านบาท ครั้งที่ 2 บอกว่าเงินถึงมือเกษตรกร 1.2 แสนล้านบาท แสดงให้เห็นธาตุแท้ว่าหวังใช้โครงการจำนำข้าวโจมตีรัฐบาล ขอเอาตำแหน่งเป็นเดิมพันท้านายอภิสิทธิ์ไปดูตัวเลขที่ ธ.ก.ส.ด้วยกัน เพื่อยืนยันว่ามีเงินถึงมือเกษตรกร 6.2 แสนล้านบาท อย่ามาเสี้ยมให้ชาวนาขัดแย้งกับรัฐบาล ทั้งนี้พรรคตั้งคณะทำงานทั้ง 19 โซนทั่วประเทศ ขึ้นมาเพื่อหามาตรการช่วยเหลือชาวนา ภายหลังลดราคาจำนำข้าวเหลือตันละ 12,000 บาท เช่น การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มคุณภาพข้าว ยืนยันว่า ต้องเดินหน้าโครงการต่อไป ส่วนที่ชาวนาหลายจังหวัดเตรียมออกมาเคลื่อนไหวประท้วงที่รัฐบาลนั้น จะให้ ส.ส.ลงพื้นที่ทำความเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องลดราคาลงมา พร้อมรับฟังปัญหาและความต้องการของชาวนาว่าอยากให้แก้ปัญหาอย่างไร แล้วนำกลับมาเสนอต่อรัฐบาลภายในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาวเพื่อล้มรัฐบาลว่า จากการตรวจสอบตัวละครที่ชุมนุมในหลายพื้นที่เป็นตัวเดิมๆ เช่นที่ จ.เชียงใหม่ เป็นคนนอกพื้นที่ไปชุมนุมแล้วใส่หน้ากาก จึงมีนัยหวังผลการเมือง กลุ่มหน้ากากขาวเป็นขบวนการจัดตั้ง หน้าเดิมๆ ที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนเสียประโยชน์ เสียอำนาจที่ต้องการล้มรัฐบาลโดยไม่มีเหตุผล เพราะไม่เคยบอกว่า ถ้าล้มรัฐบาลแล้วจะเอาใครมาแทน ทั้งนี้การขับไล่รัฐบาลนั้นทำได้ แต่ควรเปิดหน้า ไม่ใส่หน้ากาก เพราะแสดงถึงความไม่บริสุทธิ์ใจ ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของนิด้าโพลก็สะท้อนการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาวได้เป็นอย่างดี เพราะประชาชน 53% ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม เนื่องจากเกรงว่าจะสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง โดยขอเรียกร้องให้กลุ่มที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลว่าควรชุมนุมในกรอบของกฎหมาย