“สุพจน์” แจงขั้นตอนประมูลน้ำ “อรรถวิชช์” ชี้เปิดช่องโกง-ตีหัวผู้รับเหมา ป.ป.ช.กังวลซ้ำรอยโรงพักฉาว

กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ เชิญ “สุพจน์” แจงขั้นตอนประมูลโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท “อรรถวิชช์” พบพิรุธรัฐทุบหัวเอกชน หลังไม่ยอมเซ็นสัญญาแต่เปิดโอกาสต่อรองราคาถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ป.ป.ช.ตั้งข้อสังเกต รวมสัญญาโครงการยักษ์หวั่นซ้ำรอยโรงพักฉาว วิศวกรรมสถานฯ งง ให้อำนาจเอกชนจัดการเบ็ดเสร็จหวั่นมุ่งแต่กำไร

วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่รัฐสภา กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการโครงการบริหารจัดการน้ำตามโครงการ พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท มาร่วมประชุม อาทิ นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เลขาธิการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ นายสุธินันท์ สาริมาน ผอ.สำนักมาตรการป้องกันการทุจริต สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ. (ปปช.) นายสุวัฒน์ เชาว์ปรีชา นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ นายอุเทน ชาติภิญโญ” อดีต ปธ.ผันน้ำฯ มาร่วมสังเกตการณ์

นายสุพจน์ ได้ลำดับเหตุการณ์รายละเอียดผู้รับเหมามาดำเนินโครงการน้ำจากในเบื้องต้นมีเอกชนเข้าร่วมจำนวน 398 ราย รวม 34 กลุ่ม จนคัดเลือกมาเหลือจำนวน 4 บริษัทสุดท้าย และคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ดำเนินโครงการในวันที่ 30 ก.ย.โดยหลังจากนี้ จนไปถึงวันที่ 30 ก.ย.ยังสามารถเจรจาตกลงราคากันได้อีก ส่วนข้อกังวลที่ระบุว่าจะไม่สามารถดำเนินการโครงการทันวันที่ 30 มิ.ย.56 ตามกำหนดวันสิ้นสุดอายุ พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท นายสุพจน์ ได้นำเอกสารจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามายืนยัน โดยระบุว่า เมื่อกระทรวงการคลังได้สัญญาเงินกู้แล้วก่อนวันที่ 30 มิ.ย. แล้ว ก็สามารถดำเนินโครงการต่อได้ เพราะการเบิกจ่ายเงินสามารถทำได้ภายหลังเพราะเป็นคนละส่วนกัน

นายสุธินันท์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวและมีความเป็นกังวลในการรวมสัญญา ทั้งที่มีโครงการอยู่หลายส่วน และหากโครงการใดมีปัญหาจะกระทบสัญญาทั้งหมดหรือไม่ อย่างเช่น การสร้างโรงพักของตำรวจ อีกทั้งยังไม่มั่นใจว่าดำเนินการเรื่องสิ่งแวดล้อมถูกต้องด้วยหรือไม่เพราะเป็นรูปแบบโครงการออกแบบไปก่อสร้างไป อีกทั้งยังเป็นการยกเว้นการประมูลด้วยระเบียบวัสดุ และราคากลางก็ไม่ได้ประกาศไว้ตามกฎหมายของ ป.ป.ช.โดยอ้างว่าโครงการไม่ได้กำหนดราคากลาง นั้นสามารถทำได้หรือไม่

นายสุวัฒน์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับโครงการแก้ปัญหาน้ำ แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการประมูลและเอาเวลาเป็นตัวกำหนด เพราะจะเกิดความไม่รอบคอบ แม้จะอ้างว่าต้องรีบทำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจากการติดตามพบว่า หากน้ำท่วมในปีนี้หรือปีหน้า ก็ไม่สามารถก่อสร้างโครงการป้องกันน้ำท่วมได้ทัน อีกทั้งยังไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลให้ผู้รับเหมา เป็นผู้กำหนดโครงการให้ถูกต้องตามกรอบของกฎหมาย ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เพราะเป็นที่ทราบดีว่าผู้รับเหมา หรือเอกชน นั้จุดมุ่งหมายในการทำงานก็คือผลประโยชน์และกำไร

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธาน กมธ.กล่าวว่า จากการฟังนายสุพจน์ชี้แจงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ต่อรองราคาแก่ผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยระบุว่าแล้วเสร็จในวันที่ 11-14 มิ.ย.ไม่เป็นความจริง เพราะนายสุพจน์ ได้ยืนยันว่า สามารถเจรจาต่อรองราคาให้แก่บริษัทที่ชนะการประมูลคือ กลุ่มเค-วอเตอร์ และกลุ่มอิตาเลียนไทยฯ จนไปถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ และหากไม่พอใจสามารถเรียกบริษัทระดับรองลงมาเพื่อต่อรองราคาเข้ามาแทนที่ได้ นอกจากนี้นายสุพจน์ ยังยืนยันว่ารัฐบาลมีรูปแบบการก่อสร้างที่ชัดเจนประมาณ 30% แต่ทำไมไม่แยกประมูลแต่กลับไปเหมารวมโครงการทั้งหมด จึงสามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่าเปิดช่องให้มีการทุจริตและสามารถตีหัวผู้รับเหมาหาผลประโยชน์ได้หรือไม่