xs
xsm
sm
md
lg

“องอาจ” จี้ “ปู” เลิกลอยตัวปมจำนำข้าว อย่าแก้ยอดขาดทุน แนะถอด “ปลอด” พ้นเก้าอี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปธ.ส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์ จี้นายกฯ เลิกลอยตัวพ้นจำนำข้าว แจงความจริงขาดทุนเท่าไหร่ในฐานะ ปธ.กขช. จวกรัฐเมินยับยั้งโกง ชี้ 2 รมต.จ้อไม่ชัด ทำเหมือนลิงแก้แห ยิ่งพูดยิ่งมัด ยันไม่ใช่เรื่องลับ เชื่อประชุมสัปดาห์หน้ามีแก้ตัวเลขแน่ เตือนอย่าบิดเบือน แนะปลด “ปลอดประสพ” พ้นเก้าอี้



วันนี้ (9 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการขาดทุนในโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลที่ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่สองแต่รัฐบาลไม่สามารถชี้แจงตัวเลขการขาดทุนที่ชัดเจนต่อสังคมได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ไม่ควรลอยตัวจากปัญหานี้ เนื่องจากเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ต้องเข้ามารับผิดชอบทำความจริงให้กระจ่างต่อสาธารณชนว่าโครงการนี้มีตัวเลขการขาดทุนเท่าไหร่ อย่างไร พรรคยืนยันว่าสนับสนุนการช่วยเหลือชาวนา แต่ต้องไม่เปิดโอกาสให้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วย เพราะโครงการจำนำข้าวแม้จะช่วยชาวนาแต่ชาวนาก็ไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ มีการรั่วไหลเกิดขึ้นจำนวนมาก และก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น อย่างครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการรับจำนำ การเก็บรักษาข้าว และการระบายข้าว แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการยับยั้งการทุจริตแต่อย่างใด นอกจากนี้ การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวก่อให้เกิดการขาดทุนอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ทำให้เห็นว่ามีผลกระทบทั้งสองด้าน คือ ทุจริต และขาดทุน แต่นายกฯ กลับปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ดำเนินต่อไป นายกฯ ต้องออกมาดำเนินการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

“การชี้แจงของรัฐบาลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่ได้ก่อให้เกิดความชัดเจนแต่อย่างใด ไม่ต่างอะไรจากลิงแก้แห ยิ่งชี้แจงยิ่งมัดตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อถูกถามก็ตอบไม่ได้ ใช้วิธีเลี่ยงบาลี แก้ตัวน้ำขุ่นๆ อ้างว่าเป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยได้ งบประมาณที่ใช้จ่ายไม่ใช่งบลับแต่เป็นงบแผ่นดินที่ผ่านการพิจารณาของสภาแล้วเป็นงบเปิดเผย ดังนั้น การดำเนินการรัฐบาลต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ โดยเฉพาะการที่อ้างว่าต้องเก็บข้อมูลเป็นความลับจนกว่าจะปิดโครงการนั้นเป็นแค่การซื้อเวลา เพราะรัฐบาลสามารถบอกตัวเลขปัจจุบันได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อเวลาหรือรอปิดโครงการ ต้องบอกได้ว่ารับจำนำเท่าไหร่ เก็บรักษาไว้เท่าไหร่ ขายเท่าไหร่ ขายให้ใคร ถ้ารัฐบาลยึดมั่นการทำงานแบบโปร่งใสต้องกล้าเปิดเผยข้อมูลออกมา วันนี้อย่าว่าแต่สต๊อคข้าวมีอยู่เท่าไหร่ แม้แต่สัญญาซื้อขายข้าวรัฐบาลก็ไม่เปิดเผย ในขณะที่ประเทศอื่นไม่มีการปกปิดข้อมูลในเรื่องการค้าขายข้าวแต่อย่างใด แม้แต่รัฐบาลกัมพูชา สื่อมวลชนยังนำเสนอได้ว่าขายข้าวให้ประเทศไทยมากเป็นอันดับ 4 รัฐบาลจึงต้องยุติพฤติกรรมอ้างว่าทุกอย่างเป็นความลับได้แล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระทบความเชื่อมั่นประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยในการพิจารณาเพื่อจัดอันดับเครดิตประเทศด้วย เนื่องจากพฤติกรรมของรัฐบาลก่อให้เกิดปัญหา” นายองอาจกล่าว

นายองอาจกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้านายกรัฐมนตรีจะเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) โดยจะมีการพิจารณาเรื่องการรับจำนำข้าวทั้งระบบ รวมทั้งตัวเลขการดำเนินโครงการที่ขาดทุนอย่างมโหฬาร โดยเชื่อว่าจะมีความพยายามแก้ไขตัวเลขของทางราชการเกี่ยวกับการขาดทุนในโครงการนี้ เพื่อให้ตัวเลขการขาดทุนต่ำอย่างที่รัฐบาลต้องการ จึงฝากถึงนายกรัฐมนตรีว่าอย่าปล่อยให้นักการเมืองที่ไม่มีความสามารถในการบริหารโครงการจำนำข้าว สมรู้ร่วมคิดกับข้าราชการบางคนดำเนินการเช่นนี้

“นายกฯ ต้องแสดงความกล้าหาญพูดความจริงกับประชาชน เพื่อแก้ปัญหามากกว่าที่จะบิดเบือนข้อมูลและความจริง เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่รัฐบาลแต่กระทบประเทศชาติ การขายข้าว และชาวนา และไม่อยากให้ผลการประชุมออกมาเพียงแค่ว่าตัวเลขการขาดทุนที่ออกมาว่า 2.6 แสนล้านบาทเป็นเรื่องการติ๊กผิด แต่ต้องพูดความจริงกับประชาชน”

นอกจากนี้ นายองอาจยังกล่าวว่า กรณีที่โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเอกชนมาดำเนินโครงการ แต่ปรากฏว่าตลอดเวลาของการดำเนินโครงการดังกล่าว นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ได้แสดงพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรที่จะทบทวนผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการโครงการน้ำที่ต้องทำงานร่วมมือกับภาคเอกชน แสวงหาความร่วมมือจากเอ็นจีโอ และที่สำคัญคือ ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ต่างๆ จึงจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นผู้รับผิดชอบต้องมีวิสัยทัศน์และพฤติกรรมที่เหมาะสม แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานายปลอดประสพไม่สามารถดำเนินโครงการนี้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองได้ เพราะมีพฤติกรรมดูถูกเหยียดหยามประชาชน ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน และยังมีพฤติกรรมที่ส่อทุจริตในโครงการนี้ด้วย เพราะคนที่เคยทำงานร่วมกับนายปลอดประสพ เช่น นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตประธานคณะกรรมการประธานผันน้ำลงทะเล ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ก็ยื่นเรื่องให้หลายองค์กรตรวจสอบเพราะสงสัยว่าอาจเกิดการทุจริตคอร์รัปชัน รวมทั้งทัศนคติของนายปลอดประสพที่ใช้วิธีคิดแบ่งแยกแล้วปกครอง จากการหยิบยกเรื่องการสร้างศูนย์ประชุมภูเก็ตว่าจะไม่เกิดขึ้นหากคนภูเก็ตไม่เลือก ส.ส.เพื่อไทย เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารโครงการแน่นอน เพราะจะไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน


กำลังโหลดความคิดเห็น