รองโฆษก ปชป.ร้อง ผบ.ตร.ปิดคดีอุ้มฆ่า “เอกยุทธ” อย่างโปร่งใส-รอบคอบ เตือน “ยิ่งลักษณ์-เหลิม” สังคมจับตา เร่งปิดคดีไม่เหมาะ ฝั่งคิดต่าง รบ.ช็อก กระทบหลัก กม. แนะอย่าลืมสอบ คนตายมีปัญหากับ ผบช.น. และเตรียมเป็นจำเลยคดีนายกฯ ฟ้องหมิ่นปม ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ แถมแฉสื่อ ตปท.นักการเมืองฟอกเงิน พร้อมฟังข้อมูล “ทนายสุวัตร” จี้ “ปู” ดูแลนักคิดนักเขียนและคนเห็นต่าง ย้อน รบ.นี้มีคุกคามเพียบแต่คดีไม่คืบ ตอกไร้ธรรมาภิบาลปัญหาเกิด
วันนี้ (13 มิ.ย.) น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการฆาตกรรมนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ที่มีการพบศพแล้วว่า ไม่ว่าคดีนี้จะเป็นอาชญากรรมธรรมดาหรือมีเงื่อนงำใดๆ ก็ตาม ขอเรียกร้องไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ให้ทำกระบวนการยุติธรรมตั้งต้นอย่างโปร่งใส รอบคอบก่อนปิดคดี โดยตำรวจต้องรับรู้ว่าการเสียชีวิตของนายเอกยุทธเป็นสิ่งที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ ดังนั้นการด่วนปิดคดีสรุปสำนวนไม่ใช่เรื่องเหมาะสม เพราะเรื่องนี้ต้องบอก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ว่าคดีนี้นอกจากอยู่ในความสนใจของประชาชนแล้วยังส่งผลกระเทือนไปยังนักพูด นักเคลื่อนไหว นักคิดนักเขียน คนคิดต่างจากรัฐบาลอยู่ในอาการช็อกและทบทวน รวมทั้งตน เพราะส่งผลต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศไทย
น.ส.มัลลิกากล่าวว่า คดีนายเอกยุทธมีการเพ่งเล็งว่านายเอกยุทธมีโจทก์หลายฝ่าย จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีคดีความกับนายเอกยุทธ ซึ่งคดีก็ยังคาราคาซังอยู่ และก่อนที่จะเสียชีวิตนายเอกยุทธจะต้องขึ้นศาลเป็นจำเลยในคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฟ้องร้องในคดีหมิ่นประมาทกรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ พนักงานสอบสวนจึงควรนำไปพิจารณาประกอบด้วย อีกทั้งยังมีข้อมูลที่นายเอกยุทธให้กับสื่อต่างประเทศในเรื่องการฟอกเงินของนักการเมืองบางคนด้วย นอกจากนี้ ควรให้นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายเอกยุทธ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีส่วนร่วมในการสอบสวนของตำรวจได้
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า คดีนี้สะเทือนใจ สะเทือนขวัญ ทำให้หลายคนกังวลใจ จึงขอเรียกร้องไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะเป็นผู้หญิงด้วยกัน ขอให้กลับไปย้อนดูเรื่องที่เกี่ยวกับภัยคุกคามต่อนักพูด นักเขียน นักสื่อสารมวลชนหลายๆ คนที่เกิดขึ้น ดังนั้น หากตั้งใจให้เกิดธรรมาภิบาลในประเทศก็ขอให้เริ่มต้นในจุดนี้ เพราะเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการคุกคามเกิดขึ้นจำนวนมาก อาทิ กรณีนายโสภณ องค์การณ์ ผู้ดำเนินรายการของเอเอสทีวี ที่วิจารณ์รัฐบาลทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์จนถูกทุบกระจกเป็นครั้งที่ 4 กรณีมีผู้ตั้งใจไปทำร้ายร่างกายนายต่อพงษ์ เศวตามร์ บรรณาธิการข่าวบันเทิงของเอเอสทีวีผู้จัดการ กรณีการทุบกระจกรถนายเฉลิมชัย ยอดมาลัย คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า และคดีนายราเมศ รัตนะเชวง ฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต แต่ไม่มีความคืบหน้า จึงน่าสงสัยว่าทำไมหลายคดีปิดอย่างรวดเร็วแต่คดีข้างต้นกลับไม่มีความคืบหน้าเลย
“แฟชั่นคุกคาม อุ้มฆ่า ไม่ควรมี เมื่อมีก็แสดงว่าประเทศอยู่ยุคมืด รัฐบาลปกครองโดยไม่มีธรรมาภิบาลจะเกิดปัญหาตามมาอีกมาก ทั้งนี้หากผู้ที่ทำผิดคือคนที่อยู่ในอำนาจรัฐ ก็ขอถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่ามีอำนาจโดยต้องนั่งอยู่บนซากหลายอย่าง ยังนั่งต่อไปไหวหรือไม่” น.ส.มัลลิกากล่าว