ครม.สัญจรต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 3 เดือน พร้อมเตรียมรวบรวมผลงานรัฐบาล 2 ปี โชว์ชาวบ้าน มีทั้งเน้นการสร้างความสมานฉันท์ ฟื้นฟู ปชต.การปราบปรามยาเสพติด การป้องกันทุจริต
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าที่ประชุม ครม.นอกสถานที่ จ.กำแพงเพชร (ครม.สัญจร) เห็นชอบต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกไปอีก 3 เดือน จากที่จะสิ้นสุดกลางเดือนนี้อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งใน จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดยให้ขยายเวลาบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ใน 4 อำเภอของ จ.สงขลา และอ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ออกไปอีก 1 ปี
นายภักดีหาญส์แถลงอีกว่า คณะกรรมการจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรี กล่าวให้ที่ประชุม ครม.รับทราบว่าจะต้องจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรีปีที่ 2 ของรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีการกำหนดประเด็นสำคัญและเจ้าภาพในการจัดทำรายงานดังกล่าวที่กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 23 ส.ค.นี้ โดยฝ่ายคณะกรรมสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาคณะรัฐมนตรี สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ ได้มีการจัดประชุมหน่วยงานราชการเพื่อพิจารณาหาเจ้าภาพในการดำเนินงาน เพื่อทำหน้าที่ในการบูรณาการข้อมูล รวมทั้งได้ชี้แจงแนวทางในการจัดทำข้อมูล เพื่อส่งในการจัดทำรายงานต่อไป โดยมีนายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการ
ทั้งนี้ ประเด็นที่จะนำมาจัดทำรายงานประกอบด้วย ประเด็นการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย กำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและการประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง ส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เร่งรัดการขยายเขตพื้นที่ชลประทาน เร่งนำสันติสุขและนำความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เร่งฟื้นฟูและพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและนานาชาติ แก้ไขปัญหาของประชาชนและผู้ประกอบการเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ สร้างความสมดุลและความเข้มแข็งและมีคุณภาพต่อเศรษฐกิจมหภาพและปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน ยกระดับสินค้าเกษตรและให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน เร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ สนับสนุนงานพัฒนาศิลปะ หัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อการสร้างเอกลักษณ์และการผลิตสินค้าในท้องถิ่น พัฒนาระบบประกันสุขภาพ จัดหาแทปเล็ตให้โรงเรียนเพิ่ม เร่งรัดผลักดันการปฏิรูปการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง
ดังนั้นจึงมีหลายกระทรวงที่เป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้จะต้องส่งรายงานให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลักภายในวันที่ 12 ก.ค. หากต้องมีการบูรณาการเพิ่มก็จะขยายวันให้ถึงวันที่ 24 ก.ค.นี้ เพื่อให้สำนักเลขาธิการจัดทำรายงานให้มีความสมบูรณ์ต่อไป