โฆษกรัฐบาลเผย “บุญทรง” โวเดินสายกล่อมชาวบ้านเชื่อจำนำข้าวแล้ว โอ่คนเริ่มเข้าใจ โยนอนุฯ ปิดบัญชีสรุปยอดขาดทุน ตั้ง “วราเทพ” รวมข้อมูลจำนำข้าว สั่งคลัง-มหาดไทยจัดงานเทศกาลอาหารด่วน ด้านรองโฆษกรัฐบาล ซัด “อภิสิทธิ์” จ้อโกหกหกเรื่อง
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร เมื่อเวลา 11.00 น. นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุม ครม.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ขณะนี้มีการโจมตีเรื่องการขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าวอย่างกว้างขวาง จึงได้มีการเดินสายชี้แจงให้กับประชาชนได้ทราบแล้ว และเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น รวมทั้งจะจัดให้มีการประชุมชี้แจงให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่องต่อไป ขณะที่ตัวเลขขาดทุนนั้นขณะนี้กำลังรอให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีสรุปเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ โดยตัวเลขที่ กขช.ให้ความเห็นชอบถือเป็นข้อยุติ
นอกจากนี้ ในที่ประชุม ครม.ได้มีการเสนอว่า สำหรับตัวเลขขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวนั้น ควรจะมีคนกลางเพื่อรวบรวมข้อมูล เนื่องจากที่ผ่านมามีการให้ข้อมูลคนละทิศละทางไม่เชื่อมโยงกัน จึงมอบหมายให้นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงทั้งหมดของโครงการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สต๊อกคงค้าง ปริมาณและราคาที่ขายเพื่อให้มีความเป็นเอกภาพต่อไป พร้อมทั้งให้หัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมดให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลด้วย
นายธีรัตถ์กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกฯ ยังแจ้งต่อที่ประชุมว่า เพื่อเป็นการเตรียมการรองรับปริมาณผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ที่จะมีมากในระยะเวลาอันใกล้นี้ จึงมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ กำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้โดยเร็ว และมอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยให้คณะกรรมการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์จัดงานเทศกาลอาหารโดยด่วนเพื่อให้ทันต่อช่วงเวลาที่ผลผลิตออกสู่ตลาด โดยเน้นการจำหน่ายอาหารดีของทุกจังหวัดที่ไม่ควรซ้ำกัน เครื่องดื่มน้ำผลไม้และผลไม้สด และให้มีการรับคำสั่งซื้อผลไม้ล่วงหน้าและจัดระบบขนส่งให้ทันเวลาโดยอาจขอความร่วมมือจากบริษัทไปรษณีย์ไทยในการจัดส่งสินค้า
ด้าน ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กำลังโกหกประชาชนอย่างน่าอดสูเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าว 6 ประเด็น โดยนายอภิสิทธิ์โกหกว่าเกษตรกรได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าวเพียง 86,000 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะวันนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ยืนยันต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าตั้งแต่เริ่มโครงการปลายปี 2554 จนถึง 31 ธ.ค. 56 ธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินให้เกษตรกรไปแล้ว หกแสนหนึ่งหมื่นแปดพันล้านบาท ไม่ใช่ แปดหมื่นหกพันล้านบาท อย่างที่นายอภิสิทธิ์บิดเบือน น่าสงสัยว่านายอภิสิทธิ์ และทีมงานพรรคประชาธิปัตย์จงใจตกแต่งตัวเลขขึ้นมาใส่ร้ายว่าเกษตรกรได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ จากโครงการจำนำข้าว โดยไม่มีหลักฐาน ใช่หรือไม่
ร.ท.หญิง สุณิสากล่าวว่า นายอภิสิทธิ์พูดโกหกว่าโครงการจำนำข้าวทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง ซึ่งไม่เป็นความจริง และเป็นการจับแพะชนแกะ เพราะนายอภิสิทธิ์เอาตัวเลขความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงทีิ่เกิดวิกฤตเงินบาทแข็งค่า ทำให้รายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรลดลง มาโยนบาปว่าเป็นเพราะโครงการจำนำข้าว ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างน่าอดสู เพราะใครๆ ก็รู้ว่าช่วงเวลา 3 เดือนแรกของปี 2556 ผู้ประกอบการส่งออก ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม หรือภาคเกษตร ต่างก็ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง ทำให้รายได้จากการส่งออกของภาคเกษตรหายไป 7 พันกว่าล้านบาท ซึ่งไม่เกี่ยวกับการจำนำข้าวแล้ว นายอภิสิทธิ์จะมาโทษว่ารายได้เกษตรกรลดลงเพราะโครงการจำนำข้าวได้อย่างไร ทั้งๆ ที่มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องอีกหลายสาเหตุ การที่นายอภิสิทธิ์อ้างตัวเลขทางเศรษฐกิจช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 56 มาพูด เป็นเพียงความพยายามในการทำให้การโกหกของตัวเอง ดูน่าเชื่อถือเท่านั้น แต่เป็นการโกหกที่ไม่แนบเนียน
ร.ท.หญิง สุณิสากล่าวว่า นายอภิสิทธิ์โกหกว่าเกษตรกรจนลง โดยอ้างตัวเลขรายได้เกษตรกรของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งๆ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคำนวณตัวเลขดังกล่าวโดยเอาปริมาณข้าวที่เข้าโครงการมาคูณกับราคาตลาดโลก โดยไม่ได้บวกส่วนต่างที่เกษตรกรได้รับเพิ่มขึ้นจากราคาที่รัฐบาลรับจำนำ ทำให้ตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทยต่ำกว่าความเป็นจริง สะท้อนให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์จงใจพูดบิดเบือนโจมตีรัฐบาล โดยให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน
อันที่จริง ต้องบอกว่านโยบายของรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ สศช. (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) หรือสภาพัฒน์ ระบุว่าสถานการณ์ความยากจนของประเทศไทยในปี2554 ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพและการจัดสวัสดิการของรัฐบาล
ร.ท.หญิง สุณิสากล่าวว่า นายอภิสิทธิ์โกหกว่าโครงการจำนำข้าวไม่โปร่งใส จึงยังไม่แถลงตัวเลขการขาดทุน ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ การที่รัฐบาลยังไม่ระบุตัวเลขปิดบัญชีการขาดทุนของโครงการจำนำข้าว ไม่ได้แปลว่ารัฐบาลต้องการปกปิดหรือมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าว เพียงแต่การวัดกำไรขาดทุนของโครงการจำนำข้าวจะสรุปได้ต่อเมื่อ มีทั้งตัวเลขค่าใช้จ่ายและรายรับจากการระบายข้าวมาคำนวณอย่างครบถ้วน แต่ขณะนี้ตัวเลขยังไม่ครบ ยังไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่มีการสรุปตัวเลข แต่ขอให้สังคมรอฟังตัวเลขที่เป็นทางการจากรัฐบาล ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการพูดตัวเลขที่ถูกต้อง ไม่ได้การปกปิดตัวเลข หรือไม่ได้เห็นว่าตัวเลขเกี่ยวกับโครงการจำนำข้าวเป็นข้อมูลลับแต่อย่างใด จะให้รัฐบาลให้ข้อมูลมั่วๆ กับประชาชนแบบที่ฝ่ายค้านทำได้อย่างไร แต่การรวบรวมข้อมูลต้องใช้เวลาและอาจไม่ทันใจทุกคน แต่วันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ กขช.จะนำรายงานของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี ที่สรุปตัวเลขโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลมาพิจารณา ซึ่งก็ขอให้สังคมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการยกระดับรายได้ให้เกษตรกรและรักษาผลประโยชน์ของประเทศในวงการค้าข้าวโลกอย่างเต็มที่ โดยกระทรวงการคลังจะควบคุมกรอบวงเงินที่ใช้หมุนเวียนในโครงการจำนำข้าวไม่ให้เกินวงเงินที่ ครม.อนุมัติ เพื่อไม่ให้กระทบเสถียรภาพทางการคลัง
ร.ท.หญิง สุณิสากล่าวว่า นายอภิสิทธิ์โกหกว่า โครงการจำนำข้าวขาดทุน 260,000 ล้านบาท ต่อหนึ่งฤดูกาลผลิต แต่ความจริงแล้ว นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ยืนยันต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ตัวเลขที่ระบุในรายงานของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีของกระทรวงการคลัง มีตัวเลขที่ต่ำกว่า 260,000 แสนล้านบาท อย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขที่ นายอภิสิทธิ์ และลูกพรรคประชาธิปัตย์นำมาพูดเป็นตัวเลขที่ไม่มีหลักฐานอ้างอิง และเป็นการสรุปเอาเอง โดยพยายามอ้างว่ามีการขาดทุนเท่านั้นเท่านี้ เพื่อให้บวกกันได้ 260,000 ล้าน บาท ซึ่งเป็นการโกหกล้วนๆ โดยไม่สามารถระบุที่มาของตัวเลขได้ ว่าคำนวณจากอะไร ทั้งยังพูดแต่ตัวเลขขาดทุนอย่างเดียว โดยไม่พูดถึงรายได้จากการระบายข้าว แล้วจะอ้างว่าโครงการจำนำข้าวขาดทุน 260,000 ล้านบาทได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่หักรายได้จากการระบายข้าว แค่นี้ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าคำนวณไม่ถูกต้อง