“ยิ่งลักษณ์” ไปชมโรงผลิตไฟฟ้าชานอ้อย และระบบไบโอแมส ผู้ประกอบการ-เอกชน ฟุ้งสร้างถนนลดค่าใช้จ่ายขนส่ง พร้อมพัฒนาเกษตรโซนนิ่ง จากนั้นปราศรัยสนามริมปิง กำแพงเพชร เตรียมหว่านประชานิยมอีกรอบ ผุดโครงการร้อยมือสร้างเมือง เปิดโอกาสประชาชนในหัวเมืองทุกจังหวัดเสนอโครงการ งบ 500,000-2,000,000 บาท
วันนี้ (9 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมคณะลงพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยเวลา 11.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมคณะเดินทางไปยังโรงงานน้ำตาลทิพย์กำแพงเพชร ต.เทพนิมิต อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร เยี่ยมชมการผลิตน้ำตาลและโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากชานอ้อย ซึ่งเป็นโครงการผลิตพลังงานทดแทนจากผลผลิตทางการเกษตร โดยมีนายวันชัย สุทิน ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ผู้บริหารโรงงาน และประชาชน มาให้การต้อนรับ และ กล่าวสรุปการดำเนินกิจการของโรงงาน การผลิตกระแสไฟฟ้าจากชานอ้อย หรือโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ขณะที่นายกฯ กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของโรงงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือผู้ประกอบการที่จะพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งเชื่อมเส้นทางอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกการลำเลียงสินค้า พัฒนาการเกษตรโซนนิ่งลดการปลูกข้าวในพื้นที่ รวมทั้งจะพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปตรวจเยี่ยมห้องบรรจุผลิตภัณฑ์ฯ และดูบ่อก๊าชชีวภาพจากเส้นมันเพื่อผลิตเป็นระบบไบโอแก๊ส ที่บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ จำกัด อ.เมืองฯ จ.กำแพงเพชร และกล่าวชื่นชมโรงงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และชุมชน นำแกลบมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไอน้ำแทนการใช้น้ำมันเตา ลดการใช้ปริมาณเชื้อเพลิงปริโตรเลียม และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรจากการขายแกลบ
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายกฯ เยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาเขตเมืองเก่า นครชุม และการท่องเที่ยวเมืองมรดกโลก ซึ่งนายสนธยา คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวรายงานถึงการพัฒนามรดกโลกเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวารโดยรวม ผ่านแผนการพัฒนาและยุทธศาสตร์การพัฒนา 5 ดัาน คือ 1. การพัฒนายกระดับชุมชนท้องถิ่น 2. การพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจท่องเที่ยววัฒนธรรม 3. การพัฒนาสภาพแวดล้อม 4. การเชื่อมโยงพื้นที่และความรู้ทางวัฒนธรรม และ 5. การสร้างต้นแบบการบริหารจัดการเมืองวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ ซึ่งหากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชนและประชาชนร่วมกันทำงาน ก็เชื่อว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ โดยคาดว่าใน 3 ปีจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 1.2 ล้านคน เป็น 2.4 ล้านคน สอดรับกับยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับแผนพัฒนาดังกล่าว พร้อมเสนอแนวทางพัฒนาเพิ่มเติมทั้งในเรื่องของการจัดกิจกรรม และการพัฒนาองค์ความรู้ สร้างสิ่งรองรับต่างๆ เช่น ห้องพัก โรงแรม สำหรับนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีศักภาพสูง ให้มีการท่องเที่ยวนานขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว
จากนั้นนายกรัฐมนตรีกราบนมัสการเจดีย์ประธานวัดช้างรอบ ซึ่งเป็นเจดีย์ประธานทรงระฆังขนาดใหญ่ ฐานสี่เหลี่ยมด้านล่างสูงใหญ่ มีบันไดอยู่ที่กลางด้านทั้งสี่ เพื่อขึ้นไปถึงลานด้านบนหรือลานประทักษิณ ฐานล่างประดับช้างปูนปั้นครึ่งตัวจำนวน 68 เชือก และได้นมัสการพระประธานวัดพระสี่อิริยาบถ ซึ่งเป็นวิหารที่สร้างบนฐานทักษิณขนาดใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธรูปแตกต่างกันออกไปในแต่ละด้าน คือ เดิน นั่ง ยืน นอน ซึ่งปัจจุบันเหลือเฉพาะพระยืนขนาดใหญ่ทางด้านทิศตะวันตก พระพักตร์มีลักษณะศิลปะสุโขทัยหมวดกำแพงเพชร คือ พระนลาฏกว้าง พระหนุเสี้ยม
ต่อมาเวลา 16.30 น.นายกฯ เดินทางมายังสนามกีฬาริมแม่น้ำปิง เพื่อพบประชาชน กลุ่มแม่บ้าน กลุ่ม อสม. จ.กำแพงเพชร และจังหวัดใกล้เคียง โดยนายกฯ กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลว่า จากการลงพื้นที่ได้เห็นสภาพพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.กำแพงเพชร ที่ยังมีช่องว่างของประชาชน โดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งเงินทุนคนเมือง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายใหม่เพื่อคนเมือง คือ โครงการ “ร้อยมือสร้างเมือง” เพื่อคนเมืองทุกจังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร เปิดโอกาสให้ประชาชนเสนอโครงการดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่น ต่อประเทศ แต่ละโครงการจะมีงบประมาณ 500,000-2,000,000 บาท และเพิ่มงบฯ ให้กับกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท
