“ยิ่งลักษณ์” พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ติดตามโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ จ.พิจิตร พร้อมรับฟังบรรยายสรุปโครงการฯ จาก ผวจ.โดยได้สั่งการให้ ผวจ.ไปปรับแผนบูรณาการ ร่วมกับ กบอ.และกระทรวงทรัพย์ เพื่อให้โครงการต่างๆ เสร็จเร็วทันหน้าฝนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (9 มิ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีประชาชนจำนวนมากมาให้การต้อนรับและให้กำลังใจการทำงาน ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้รับฟังบรรยายสรุปจากนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าแหล่งนี้ดังกล่าวมีขนาดใหญ่ลำดับ 3 ของประเทศ เป็นแหล่งทำการประมงที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความสมดุลของระบบนิเวศ แต่หลังจากที่มีการสร้างเขื่อนสิริกิต์ ปิดกั้นแม่น้ำน่าน ทำให้ปริมาณน้ำลดลง พื้นที่โดยรอบจึงถูกชาวบ้านรุกล้ำ บุกรุกเป็นพื้นที่เกษตรและที่อยู่อาศัย อีกทั้งยังมีวัชพืชขึ้นเป็นจำนวนมากทำให้เกิดความตื้นเขิน เฉลี่ยความลึกอยู่ที่ 1.5-2 เมตร จังหวัดจึงมีแผนงานพัฒนาบึงสีไฟในงบปี 2556 โครงการขุดลอกบึงสีไฟพื้นที่ 235 ไร่ ใช้งบกว่า 88 ล้านบาทโดยจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ และโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูน้ำ บึงสีไฟพื้นที่ 220 ไร่ ใช้งบ 50 ล้านบาท โดยมีกรมทรัพยากรน้ำเป็นผู้รับผิดชอบ
ขณะที่โครงการพัฒนาในงบปี 57-58 ประกอบด้วยการฟื้นฟูขุดลอกบึงเพิ่มเติมพื้นที่ 1,100 ไร่ ใช้งบ 400 ล้านบาทและโครงการปรับปรุงระดับโครงสร้างทางเพื่อเป็นพนังกันน้ำรอบบึง ระยะทาง 11.5 กิโลเมตร และสูงเพิ่มจากเดิม 1.3 เมตร ใช้งบ 200 ล้านบาท จังหวัดจะเป็นผู้รับผิดชอบ
ขณะที่นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการ กบอ. กล่าวบรรยายแผนการบริการจัดการน้ำของรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดพิจิตร กำแพงเพชร พิษณุโลก และนครสวรรค์ ซึ่งอยู่ในกรอบวงเงิน 3.5 แสนล้านที่รัฐบาลจะดำเนินการ ส่วนบึงสีไฟจะต้องมีแผนงานชัดเจน 5 ด้าน คือ 1. การทำงานจะต้องมีเจ้าภาพหลักรับผิดชอบทั้งการจัดการงบประมาณ การขุดลอก การควบคุมไม่ให้มีการบุกรุก และการพัฒนาพื้นที่ต่อเนื่องเป็นต้น 2. การขุดลอกต้องผ่านการศึกษาเชิงระบบนิเวศให้ตกผลึก และเกิดความสมดุลกับธรรมชาติ 3. การบริหารจัดการน้ำเชื่อมโยงระหว่างบึงสีไฟกับแหล่งน้ำโดยรอบทั้งแม่น้ำน่านและหนองน้ำบริวารต้องสมดุล 4. ต้องมีการกำจัดขยะ บำบัดของเสีย และ 5. กลไกบริหารจัดการใช้ประโยชน์ร่วมกันของบึงสีไฟทั้งการท่องเที่ยว เกษตรกรรม และประมง ต้องผ่านการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ไปปรับแผนบูรณาการ ร่วมกับ กบอ.และกระทรวงทรัพย์ เพื่อให้โครงการต่างๆ เสร็จเร็วขึ้น ทันหน้าฝนนี้ และให้เกิดการบูรณาการกับแผนต่างๆ ของ กบอ. ขณะเดียวกัน ให้จังหวัดเร่งสำรวจและหารือกับประชาชนในพื้นที่ถึงโครงการที่มีความพร้อม ซึ่งรัฐบาลพร้อมจัดสรรงบประมาณให้ ทั้งการขุดลอก บำบัดนำเสียและการเชื่อมต่อกับแหล่งน้ำ ขณะเดียวกันขอให้ศึกษาแนวทางพัฒนา ที่ไม่เพียงแต่ทำให้เป็นพื้นที่สำคัญเรื่องน้ำและการประมงเท่านั้น แต่ต้องดูภาพรวมเรื่องการท่องเที่ยวและการสร้างอาชีพด้วย
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวทักทายประชาชนว่า รัฐบาลได้เร่งทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น และการประชุมครั้งนี้ก็จะแก้ปัญหาและจัดสรรงบประมาณเฉลึ่ย 1 ร้อยล้านบาทพัฒนาจังหวัดพิจิตร อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีกองทุนหมู่บ้าน และ sml และกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเพื่อเพิ่มรายได้ จึงอยากให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ์เข้าถึงแหล่งทุนเหล่านี้ด้วย