“อภิสิทธิ์” สะกิดแผล “ยิ่งลักษณ์” บริหารแพงทั้งแผ่นดิน ซัดอภิปรายตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ เยาะเก่งเหลือเกินลดงบขาดดุล จากการขึ้นภาษีน้ำมัน-แก๊สหุงต้ม ให้ ปชช.รับภาระ ปตท.กำไรพุ่ง นักการเมืองได้อานิสงส์ เผย “เจริญ-เหลิม” ไม่ลดละความพยายาม ดอดขอไฟเขียวร่างปรองดอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 1 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวในการปราศรัยเวทีประชาชน “เดินหน้าผ่าความจริง หยุดล้มรัฐธรรมนูญ-ออกกฎหมายล้างผิดคนโกง” ที่ลานกังสดาลย์ปาร์ค (หน้าวิทยาลัยสารพัดช่างสุพรรณบุรี) อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่จริงแล้ว 3 วันเต็มๆ ที่ผ่านมา พวกผมทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร เพราะรัฐบาล นายกฯ ยิ่งลักษณ์ เสนอกฎหมายงบประมาณ มาขอให้สภาอนุมัติเงินไปใช้ในปีงบประมาณ 2557 ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ จนถึงเดือนกันยายนปีหน้า เป็นเงินทั้งสิ้น 2 ล้าน 5 แสน 2 หมื่น 5 พันล้านบาท
2 ล้าน 5 แสน 2 หมื่น 5 พันล้านบาท คือเงินภาษีอากรของพวกเราทุกคนที่รัฐบาลชุดนี้กำลังขอไปใช้ในปีหน้า ผมไม่ทราบว่าพี่น้องติดตามการอภิปรายงบประมาณมากน้อยแค่ไหน แต่ว่าสิ่งที่ผมอยากจะย้ำก็คือว่า ผมเสียดายโอกาสของประเทศไทย และพี่น้องประชาชนคนไทย ปีนี้งบประมาณควรจะได้จัดเพื่อเตรียมการสำหรับอนาคตของประเทศ เพราะผมรู้ว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ เข้ามาบริหารประเทศ ทำงบประมาณมาแล้ว 2 ฉบับ ฉบับแรกผมยอมรับครับ ได้รับเลือกตั้งเข้ามา มาเสนองบประมาณนั้นมันไม่ทันปีงบประมาณ และหลายเรื่อง ก็ต้องเอางานที่เตรียมไว้จากรัฐบาลที่แล้วนั้นเข้ามา เพราะฉะนั้นก็อ้างได้ว่า ยังไม่สามารถจัดการเรื่องของเงิน เรื่องของงบประมาณได้เต็มที่
พอปีที่ 2 เพิ่งผ่านเหตุการณ์น้ำท่วม ผมก็เข้าใจอีกครับว่า งบประมาณที่ต้องจัดก็ยังได้รับผลกระทบจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วม แต่ปีนี้ไม่มีข้อแก้ตัว ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะไม่มาจัดงบประมาณเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
นอกจากนั้น งบประมาณที่จัดปีนี้ ยังไม่ต้องไปห่วงเรื่องของโครงการที่ใช้เงินมากๆ เพราะโครงการที่ใช้เงินมากๆ รัฐบาลกำลังออกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่ทำให้พี่น้องทุกคนจะต้องเป็นหนี้ไปอีก 50 ปี รวมทั้งพวกที่ตะโกนอยู่ข้างหลังด้วย รู้ตัวหรือเปล่า
รู้หรือยังว่าจะเป็นหนี้ 50 ปี แล้วที่มานี่ ไม่ได้นั่งหรอกรถไฟความเร็วสูง เพราะมันจะแพงเกินไป หลายจังหวัดยังไม่วิ่งผ่านเลย รู้ตัวแล้ว ถอดเสื้อแดงทิ้งได้แล้ว
งบปีนี้ไม่ต้องมีโครงการขนาดใหญ่บอกไปทำอยู่ในกฎหมายเงินกู้ แต่ว่าผมก็มหัศจรรย์ใจจริงๆ ว่า นั่งฟังนายกฯ นั่งฟังรองนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ชี้แจงงบประมาณหลายเรื่องแล้วไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่อว่ากล้าที่จะพูดเท็จ หรือถ้าคิดว่าตัวเองพูดจริง ไม่น่าเชื่อว่าจะไร้สติปัญญาขนาดนี้
ยืนขึ้นมาคนแล้วคนเล่า อวดอ้างว่า ปีนี้งบประมาณขาดดุลน้อยกว่าปีที่แล้ว บอกปีที่แล้วขาดดุล 3 แสน ปีนี้ขาดดุลแค่ 2 แสน 5 หมื่นล้าน โอ้โห พูดกันใหญ่ทั้งพรรคเลย เก่งจริงๆ สามารถทำให้งบประมาณขาดดุลลดลงได้ ลืมไปเหรอครับว่ามันกู้อีก 2 ล้านล้านกับ 3 แสน 5 หมื่นล้านน่ะ
เหมือนหัวหน้าครอบครัวกลับบ้านมาบอก ภูมิใจเถอะ ปีนี้กู้แบงก์ลดลงแล้ว เดิมเคยกู้ 3 แสน กู้แค่ 2 แสน แต่ไปกู้นอกระบบอยู่ 2 ล้าน แต่ว่าที่แย่กว่านั้นพี่น้องครับ ที่พวกผมมายืนอยู่บนเวทีอย่างนี้ทุกอาทิตย์ ทุกวันเสาร์นี่บอกว่า ไปทำงานให้ประชาชนได้แล้ว อย่ามัวแต่ทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ของตัวเองเลย ปรากฏว่าไอ้ที่จะขาดดุลน้อยลงนี่ นอกจากจะไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาลแล้ว ยังกำลังเตรียมซ้ำเติมความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
พี่น้องก็คงนึกออกเมื่อสักครู่ก็มีคนพูดไปแล้ว บอกรัฐบาลนี้สัญญาว่าจะกระชากค่าครองชีพลง จะเลิกกองทุนน้ำมัน จะไม่กู้ จะไม่ผลักภาระให้ประชาชน แต่มาถึงวันนี้เป็นไงครับ พี่น้องกว่า 4 ล้านครอบครัว ที่เคยใช้ไฟฟรี วันนี้ต้องจ่ายค่าไฟ และกำลังจะต้องจ่ายแพงขึ้นไปอีก ไอ้ข้างหลัง ที่บ้านใช้ไฟฟรึเปล่า หรืออยู่แต่ในความมืด
บอกว่าจะเลิกกองทุนน้ำมัน ก็ตอนนี้ก็มาทำน้ำมันแพง และที่สำคัญที่บอกว่าปีนี้ขาดดุลน้อยลงไป 5 หมื่นล้าน ผมไปจับได้เปิดเอกสารงบประมาณว่า ทำไมปีนี้ขาดดุลน้อยลง เอารายได้มาจากไหน ปรากฏว่า ตุลานี้ เตรียมขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลิตรละบาท 50 สตางค์ พี่น้องเป็นของขวัญ ไอ้รถข้างหลังดีเซลหรือเปล่า หลังตุลา ตามหาพ่อ ต้องจ่ายแพงขึ้นลิตรละบาท 50 ฝีมือแม่คุณน่ะ
เท่านั้นไม่พอ บาท 50 ต่อลิตร ผมไปดูแล้วปีนึงคนไทยใช้ดีเซล 2 หมื่นล้านลิตร เพราะฉะนั้นจะได้เงินตรงนี้ประมาณ 3 หมื่นล้าน ที่อวดว่า 5 หมื่นล้าน ลดลงนี่ 3 หมื่นมาจากค่าน้ำมัน ที่พวกเราจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ส่วนอีก 2 หมื่นล้านมาจากไหน รัฐมนตรีพลังงานประกาศแล้ว แก๊สหุงต้ม แก๊สหุงต้มตอนนี้กิโลละ 18 บาท ถ้าใช้หุงต้ม ใช้ในครัวเรือน ใช้ทำกับข้าว รัฐมนตรีพลังงานบอกว่า เดือนกรกฎาเป็นต้นไป จะขึ้นกิโลละไม่ 50 สตางค์ ก็ 1 บาท จนกระทั่งราคาแก๊สที่ใช้ในบ้านเท่ากับแก๊สที่ใช้ในรถ คือกิโลละ 24 บาท อย่านึกว่าของขวัญมีเท่านี้ พอถึง 24 บาท เท่ากับที่ใช้ในรถ จะขึ้นให้เท่ากับที่ใช้ในอุตสาหกรรม เป็นกิโลละ 30 บาท
เพราะฉะนั้นพี่น้องก็ต้องจ่ายแพงขึ้น เอาง่ายๆ ประมาณ กิโลละ 10 บาท ถ้าใช้ถัง 15 กิโล ก็เพิ่มขึ้น ถังละ 150 บาท นี่ของขวัญรัฐบาลนี่ยังไม่ได้พูดถึงงบประมาณรายจ่ายเลย เอาแค่รายได้เตรียมที่จะหาเงินอย่างนี้ ข้างหลังรู้ไว้ด้วย ผมก็ไม่รู้ว่าใช้แก๊สรึเปล่า แต่ว่าเตือนเอาไว้ว่าคราวหน้าจะเผาเมืองน่ะ แก๊สแพงขึ้นนะ ไปเบิกเงินจากพ่อให้พอ
พี่น้องครับ นี่แหละครับ วิธีอย่างนี้ที่อวดอ้าง ตอนเลือกตั้งว่า เก่งกาจเหลือเกิน หารายได้ จะทำให้งบประมาณไม่ต้องขาดดุล ที่แท้ไล่เก็บค่าไฟ ไล่เก็บน้ำมัน ไล่เก็บค่าแก๊ส จากพี่น้องประชาชน ดีนะครับ มันยังไม่เก็บภาษีไข่ เพราะว่าตอนนี้ขอพูดเรื่องไข่หน่อย ข้างหน้ากรุณาควบคุมตัวเองครับ เรื่องแบบนั้น ผมไม่พูด รังสิมาพูดได้แต่ผมไม่พูด ขออนุญาตฟ้องเรื่องไข่หน่อย
อาทิตย์ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ มีการประชุม แล้วก็บอกว่า ขึ้นราคาไข่ ไข่คละ คือไข่ขนาดต่างๆ นี่ครับ หน้าฟาร์ม ขึ้นไปเป็น 3 บาท 30 ต่อฟอง หน้าฟาร์มครับ แพงที่สุดตั้งแต่เคยมีมา ที่ต้องฟ้องนี่ เพราะว่าผมฟังคำอธิบายของรัฐบาลนี้แล้ว มันฟังไม่ขึ้น มันสับสนจริงๆ
สมัยรัฐบาลที่แล้ว ตอนไข่คละขึ้นไปนี่ ประมาณ 2 บาท 70 2 บาท 80 ด่าพวกผมแทบตาย แล้วก็ไปหยิบเรื่องไข่ชั่งกิโล ซึ่งเกษตรกรเขาเสนอมา แล้วผมก็บอกว่า มันเป็นทางเลือก ไม่ได้บังคับให้ไปซื้อไข่ชั่งกิโล แต่มีไว้ขาย ใครอยากซื้อถูกๆ ก็เอา นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไปหาเสียงก็บอก เดี๋ยวทำไข่ถูก เลิกชั่งกิโล เลิกแล้วหายถูกมั้ยล่ะ หายแพงมั้ยล่ะ ถูกลงมั้ยล่ะ
เดี๋ยวนี้เลยมีทางเลือก ไม่ต้องซื้อไข่ชั่งกิโล ซื้อไข่บุบแทน แต่สิ่งที่รัฐบาลที่แล้วทำจริงๆ เป็นเรื่องเป็นราวนี่ ไม่ใช่เรื่องไข่ชั่งกิโล แต่ผมให้มีการนำเข้าพันธุ์ไก่เสรี เพราะจะทำให้มีปริมาณไข่เพียงพอสำหรับพี่น้องประชาชน ปรากฏว่า เขาก็เริ่มนำเข้ามาปี 54-55 แล้วพี่น้องเห็นมั้ยล่ะครับ ตอนที่รัฐบาลนี้บริหารประเทศ แล้วบอกว่า แพงทั้งแผ่นดิน มีอยู่ช่วงหนึ่งทุกอย่างแพงหมด ยกเว้นไข่ เพราะได้อานิสงส์จากรัฐบาลที่แล้ว จากรัฐบาลประชาธิปัตย์
เสร็จแล้วตอนนี้ก็เอาเรื่องนี้ครับ มาเป็นเงื่อนไข บอกว่า รัฐบาลที่แล้วปล่อยให้เอาไก่เข้ามา ไก่ล้น ไข่ล้น ทำให้ไข่ถูก เกษตรกรขาดทุน ตอนนี้ขอให้เกษตรกรมีกำไรบ้าง คนอื่นทนกินไข่แพงไป นี่คือเหตุผลที่เขาให้ครับ
ผมก็ไปดูว่า เอ๊ะมันจริงหรือเปล่า ที่เขาคำนวณไข่คละหน้าฟาร์ม 3 บาท 30 เขาบอกว่า ต้นทุนไข่นี่อยู่ที่ 2 บาท 85 ต่อฟอง จะให้กำไร เกษตรกร 15% ปรากฏว่าณัฐวุฒิ กระทรวงเกษตรฯ แถลงอย่างนี้ เกษตรกรที่ทำหนังสือมาถึงผมนี่ไม่ได้บอกว่าต้นทุนไข่อยู่ที่ 2 บาท 80 ครับ บอกว่าอยู่ที่ 2 บาท 60 เท่านั้นเอง และบริษัทใหญ่ๆ ที่ทำคอนแทรกฟาร์มมิง คือทำสัญญากับฟาร์มเลี้ยงไก่นั้น ยังซื้อในราคา 2 บาท 45 เพราะฉะนั้นการอ้างต้นทุนตรงนี้จึงเป็นเรื่องเท็จ แต่พยายามที่จะทำให้มีการเอื้อประโยชน์บางกลุ่ม
ผมไม่รู้ว่าพี่น้องที่เดือดร้อนจากการซื้อไข่แพงเป็นอย่างไร แต่อย่าให้ผมจับได้นะว่า มีอำมาตย์บางคนได้สตางค์จากการที่ไข่แพง แล้วอำมาตย์มีพฤติกรรมแปลกๆ อำมาตย์ที่ว่านี่ชื่อเต้น ชี้แจงในสภาตอนงบประมาณเรื่องไข่ บอกนี่แหละครับ ไก่เอาเข้ามาล้น เกิดปัญหามากมาย แต่บอกว่า ก่อนหน้านี้เนี่ย ไข่ที่ยังไม่ตกต่ำมากนี่ เพราะช่วงน้ำท่วม เขาบอกว่าพี่น้องประชาชนตกใจเลยซื้อไข่ไปกินเยอะ ผมรู้สึกว่ามันมีหลายทฤษฎีเหลือเกิน ว่าคนตกใจกินไข่เยอะนี่ผมเพิ่งเคยได้ยิน ผมเคยได้ยินแต่คนๆ เดียวกันนี่ พูดว่าเวลาตกใจให้ไปเผาห้าง ผมก็เลยงงว่า ตอนนี้ความคิดเขาคืออะไร เขาบอกไก่ล้น แต่ไข่ขาด เพราะอากาศร้อนไก่ไม่ไข่ เพราะตอนนี้ไข่ขาด ทำให้ไข่แพงขึ้น ผมเลยไปตรวจสอบข่าว มหัศจรรย์จริงๆ ครับ มีนาคม 3 เดือน ไม่ถึง 3 เดือนก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ รัฐบาลชุดนี้ออกมาแถลงว่า ไข่ล้นไปหมด ไข่ถูก เกษตรกรขาดทุน ขอเงินไป 130 กว่าล้าน ไปพยุงราคาไข่ 3 เดือนที่ผ่านมานี่เองครับ
แล้วผมไปจับได้ครับ วันนั้นรัฐบาลแถลงว่าไข่ล้น เพราะไก่ไข่ออกมาวันละ 36 ล้านฟอง แต่คนกินไข่วันละ 32 ล้านฟอง มีไข่เหลือวันละ 4 ล้านฟอง ปรากฏว่าเมื่อวันพุธ พฤหัสฯ ที่ผ่านมาที่บอกว่าตอนนี้ไข่ขาด ให้ตัวเลขว่าไงครับ บอกตอนนี้ไก่ไข่อยู่วันละ 32 ล้านฟอง อ้าว ก็พอดีกับที่เรากินอยู่ แล้วมันขาดได้ยังไง
เพราะฉะนั้นน้ำมันก็แพง แก๊สก็แพง ไฟก็แพง ไข่ก็แพง แพงหลายอย่าง ผมก็ไปดูต่อว่า แล้วมีอะไรบ้างที่เขาจัดงบประมาณไว้ให้กับพี่น้องประชาชน ผมก็ไปดูว่าแต่ละปีๆ ที่บริหารประเทศตอนนี้มันมีอะไรที่จะช่วยให้พี่น้องดีขึ้น มีอะไรที่มาแก้ปัญหายากจน ความเหลื่อมล้ำ มีอะไรที่จะทำให้ประเทศไทยเข้มแข็งขึ้น ปรากฏว่า หางบประมาณที่จะทำประโยชน์เป็นรูปธรรม ที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนยากคนจนยากมาก
ทุกปีผมเรียกร้องว่าอะไรครับ ทุกปีผมเรียกร้องว่าเราจะต้องจัดงบประมาณให้ลูกหลานเยอะๆ เรื่องการศึกษา เราทำนโยบายเรียนฟรี แต่ปีนี้เปิดเทอมผู้ปกครองก็บ่นว่า เข้าสู่รูปแบบเดิมๆ อีกแล้ว ฟรีไม่จริงต้องเข้าโรงจำนำกันตอนเปิดเทอม ที่สำคัญผมไปไล่ดูว่า งบประมาณที่จะใช้เพื่อการศึกษานี่ มีการปรับปรุงคุณภาพมั้ย แหม ผมก็ไปเปิดดู พี่น้องต้องทราบนะครับ เอกสารงบประมาณนี่ เอามากองแล้ว สูงเกือบเท่าสาทิตย์ วงศ์หนองเตย
ผมก็ไล่ดูๆ ว่า โครงการไหนบ้างจะมาพัฒนาคุณภาพการศึกษา ไปเจอจริงๆ ครับ รัฐบาลนี้อุตส่าห์จัดโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ผมก็ดูต่อว่าเอาไปทำอะไร รู้มั้ยครับ เอาไปซื้อรถตู้ 1,000 คัน อยู่ในโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษา บอกจะทำให้โรงเรียนขนาดเล็ก คุณภาพการศึกษาดีขึ้น ไปซื้อรถตู้ เสร็จแล้วก็ปรากฏว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ จุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ ก็ไปจับได้ว่า ไอ้ราคารถตู้ที่จะซื้อนี่ มันดูแพงผิดปกติ สุดท้ายรัฐบาลชี้แจงว่าไง บอกพิมพ์ผิด แต่ตอบไม่ตรงกันนะ ว่าตกลงที่พิมพ์ผิดนี่มันเรื่องราคา หรือมันจำนวนรถ หรืออะไร เราก็จะตรวจสอบต่อไป นี่ก็เรื่องนึงครับ ผมผิดหวังมาก
เรื่องที่สอง ผมก็ไปดูว่า งานวิจัยต่างๆ ที่จะทำให้ประเทศไทยนั้นมีองค์ความรู้เพิ่มขึ้น แข่งขันได้มากขึ้น ปรากฏว่า งบวิจัยก็ถูกตัด ผมไปไล่ดูเพราะรัฐบาลที่แล้ว เตรียมไว้แล้ว งบประมาณผ่านองค์กรวิจัยที่เราเรียกว่า 6 ส. พวกสภาวิจัย สำนักงานคณะกรรมการการวิจัยอะไรต่างๆ เคยตั้งไว้เป็นหมื่นล้าน รัฐบาลนี้ก็ปรับลดลงมาเหลือประมาณ 8,000 ล้าน แล้วผมก็เชิญมหาวิทยาลัยมาคุยกัน มหาวิทยาลัยเขาทำโครงการมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ จะต้องใช้เงิน ความจริงเขาอยากได้เป็นหมื่น รัฐบาลที่แล้ว ก็บอกขอดำเนินการ 5,000 ล้านก่อน 3 ปี ปรากฏว่ารัฐบาลนี้เบี้ยวเขาไปแล้วประมาณพันกว่าล้าน
สุดท้าย รองนายกรัฐมนตรี สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ลุกขึ้นมาชี้แจงบอก ที่ไม่จัดเงินให้มหาวิทยาลัย เพราะมหาวิทยาลัยไม่มีนักวิจัย เอาเงินไปให้ก็วิจัยไม่ได้ เอาชาวมหาวิทยาลัยคนไหนดูผ่าความจริงอยู่ รู้ไว้ด้วยว่า รองนายกฯ สุรพงษ์ กล่าวหานักวิจัยในมหาวิทยาลัยว่า ไม่สามารถทำวิจัยได้ เลยตัดงบประมาณวิจัย
ผมก็เลยต้องเอาตัวเลขครับ ให้ดูว่าตั้งแต่เราทำโครงการมหาวิทยาลัยวิจัยนี่ เราตั้งเป้าให้กับมหาวิทยาลัยนะครับ ให้เงินไปแล้ว ตั้งเป้าว่า ต้องวิจัยแล้วมีงานตีพิมพ์กี่ชิ้น ต้องผลิตนักวิจัยกี่คน ต้องเอางานวิจัยไปใช้ประโยชน์ เช่นไปพัฒนาจนเกิดสิทธิบัตร จนเกิดการใช้งานจริงจำนวนเท่าไหร่ ปรากฏว่าผลที่ผ่านมาในโครงการนี้ มหาวิทยาลัยและนักวิจัยในมหาวิทยาลัย ทำได้เกินเป้าหมดทุกตัวครับพี่น้องครับ
สุรพงษ์ก็เลยไม่รู้จะตอบผมว่าไง ก็เลยบอกว่า นายอภิสิทธิ์ เคยทำงานวิจัยหรือเปล่า ดร.สุรพงษ์เนี่ย เป็นนักวิจัยดีเด่น ไปกูเกิ้ลดูได้ ผมยังไม่มีเวลาไปดูเลยครับ แต่ผมรู้อย่างนึง ผมเจอนักวิจัยเยอะ ไม่มีนักวิจัยคนไหนในประเทศไทย เหมือน ดร.สุรพงษ์สักคน ไม่มีเวลาไปกูเกิ้ลชื่อสุรพงษ์ เพราะเข้ากูเกิ้ลทีไร สาทิตย์ก็ยุว่า ให้กูเกิลคำว่า อีโง่ เลยไม่รู้ว่าที่สุรพงษ์แนะนำนี่ ต้องไปกูเกิลคำว่า ไอ้โง่ ด้วยหรือเปล่า
นี่อนาคตไม่จัดงบประมาณอย่างนี้ พอไปดูเรื่องอื่นที่เราอยากให้รัฐบาลนี้ทำไว้ให้กับอนาคต เช่น ระบบสวัสดิการ กองทุนการออมแห่งชาติ กองทุนการออมแห่งชาติ จะเป็นโครงการที่ทำให้ประชาชนทุกคนมีบำเหน็จ บำนาญกับเขาบ้าง รัฐบาลประชาธิปัตย์ออกกฎหมายกองทุนการออมแห่งชาติให้เป็นบำนาญประชาชนเอาไว้ครับพี่น้องครับ
กฎหมายบอกเลยว่า กฎหมายผ่านแล้วภายใน 1 ปี รัฐบาลต้องจัดเงินให้พันล้าน แล้วก็ต้องเปิดรับสมาชิก ประชาชนอยากมีบำนาญวันนี้ไปสมัครสมาชิก เอาเงินใส่กองทุนการออม รัฐบาลสมทบเงินให้ พออายุ 60 เกษียณ ก็จะมีบำนาญ แต่รัฐบาลนี้ไม่ทำตามกฎหมายพี่น้อง พันล้านก็ไม่ได้จัด แล้วปีนี้ ทราบมั้ยครับว่าจัดเงินให้กองทุนการออมแห่งชาติกี่บาท กี่บาท 0 บาท แทนที่จะมาสนับสนุนให้พี่น้องมีเงินออม มีแต่โครงการที่จะให้พี่น้องกู้ เป็นหนี้มากขึ้นๆ แล้วก็มากขึ้น
นอกจากกองทุนการออมแห่งชาติแล้ว กองทุนสวัสดิการชุมชน ที่ออมกันวันละบาท แล้วรัฐบาลเคยสมทบ ท้องถิ่นเคยสมทบ นี่ก็ตัดงบครับ พอมาดูปัญหาที่พี่น้องที่จนที่สุดในประเทศ กลุ่มไหนครับ กลุ่มที่ไม่มีที่ทำกิน ปรากฏว่าโครงการโฉนดชุมชน ก็ไม่เดินต่อ ภาษีที่พรรคประชาธิปัตย์บอก คุณเก็บ เราจะไม่ค้าน คือภาษีที่เก็บจากทรัพย์สินและที่ดิน พวกที่สะสมที่ดินไม่ทำประโยชน์ ควรจะเก็บภาษีให้หนัก เรายุให้รัฐบาลเก็บภาษีเรื่องนี้ ไม่มาเก็บ มาเก็บน้ำมัน มาเก็บแก๊สทำไม
แล้วก็เราเตรียมทำธนาคารที่ดินไว้ เขาจัดเงินให้เท่าไหร่ทราบมั้ยครับ 17 ล้านบาท 17 ล้านบาทที่จะมาแก้ปัญหาที่ดินให้คนทั้งประเทศ จะบอกว่ารัฐบาลไม่มีเงินหรือเปล่า ไม่ใช่ครับ เพราะอะไรครับ ธนาคารที่ดินจัดให้ 17 ล้านบาท แต่ไปตั้งงบไว้ 1,500 ล้าน ที่รัฐบาลจะไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้กับตัวเอง ผม งง จริงๆ ก็ถามว่า ตกลงคุณคิดยังไงเนี่ย จะจัดเงินให้คนออมก็ไม่จัด ยุให้คนกู้เงิน จะจัดเงินให้กับการแก้ปัญหาที่ดินก็ไม่จัด แล้วก็ไปเก็บภาษีจากน้ำมัน
คุณกิตติรัตน์ลุกขึ้นบอกเลย บอกว่า เรื่องของน้ำมันเนี่ย ไม่ได้เก็บเพราะจะเอาเงินเข้าหรอก แต่เก็บเพื่อที่จะใช้คำอย่างนี้ครับ เพื่อที่จะปรับพฤติกรรมผู้บริโภค สินค้าไหนรัฐบาลไม่ส่งเสริมให้คนใช้เยอะๆ ต้องเก็บภาษี นี่คุณกิตติรัตน์พูด ผมฟังดูก็โอ้โห้ คุณกิตติรัตน์นี่ผมก็เคลิ้มไปเลย สงสัยจะเป็นนักสิ่งแวดล้อม ไม่อยากให้คนใช้น้ำมัน แต่พลิกไปดูงบประมาณอีกที ให้เงิน 40,000 ล้านให้คนไปซื้อรถคันแรก
สรุปว่ารัฐบาลนี้ต้องการให้ประชาชนซื้อรถแต่ไม่ให้ใช้น้ำมัน แปลว่า รถคันแรกซื้อไว้เก็บดูที่บ้าน อย่าใช้น้ำมัน รัฐบาลไม่ส่งเสริม ก็ไม่แปลก เพราะนอกจากจะส่งเสริมให้คนซื้อรถมาเก็บไว้ที่บ้านแล้ว วันนี้ผมก็ไปดูนโยบายจำนำข้าว ปีนี้ขอเงินอีกเกือบแสนล้านพี่น้อง ทำเรื่องจำนำข้าว ขาดทุนปีละ 2 แสนล้าน ตอนนี้ข้าวไทยจากนโยบายนี้ ขายไม่ออก ก็ปรากฏว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นมาอภิปรายครับบอกว่า ประชาธิปัตย์ไม่เข้าใจ การบริหารประเทศตอนนี้ใช้แนวคิดใหม่ทำใหม่ เราเป็นมหาอำนาจเรื่องข้าว เพราะเรามีข้าวในสต็อคเยอะที่สุดในโลก รถซื้อไว้จอดที่บ้าน ข้าวปลูกไว้เก็บในโกดัง ไม่ได้ปลูกไว้กิน ไม่ได้ปลูกไว้ขาย ปลูกไว้เก็บ แล้วพอทุจริตมากๆ มันเอา CCTV ไปตั้ง ปลูกไว้ดูข้าวเปลือก ปลูกไว้ดูข้าวสาร
แต่คนที่ร่ำรวยจากจำนำข้าวคือใคร คือพวกที่หากินอยู่กับรัฐบาล ที่หมอวรงค์เปิดโปงไว้ไงล่ะครับ นี่แหละครับ ความเลวร้ายที่มันกำลังเกิดขึ้น ไม่ปรากฏเลยว่ารัฐบาลนี้ได้สนใจใส่ใจการที่จะเตรียมอนาคต การที่จะดูแลความเดือดร้อนของประชาชน
เดิมนี่นะครับ เราบ่นกันว่า ข้าวยาก หมากแพง แต่ยุคนี้เป็นยุค ข้าวเน่า ไข่แพง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทำแล้ว
ชอบใจมั้ย ข้าวเน่า ไข่แพง ไปบอกพ่อด้วย สงสัยกลับไปบอกจริงๆ นะ เงียบไปแล้ว กลับไปหรือยัง ผมมองไม่เห็นแล้ว อ๋อ ไปแวะเติมเงินอยู่ อ๋อ เข้าใจๆ นี่ไงครับ เรื่องดีๆ ไม่ทำ ปัญหาชาวบ้านไม่แก้ แต่กำลังผลักดันเรื่องต่างๆ ที่มีแต่เอื้อประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่ม พี่น้องซื้อน้ำมันแพง ซื้อแก๊สแพง ปตท.กำไรเพิ่มขึ้นๆ ผู้บริหาร ปตท.เอาเงินไปเลี้ยงนักการเมือง เอาเงินไปเลี้ยงรัฐมนตรี ชาวนาขายข้าวยากขึ้นๆ แต่คนหากินกับโครงการจำนำข้าว มีรถสปอร์ต มีรถแพงๆ ไว้ขับ
แต่ก็จะมีโครงการต่างๆ ที่บอกว่า มาช่วยเหลือประชาชนก็คือเอาเงินมาให้กับประชาชนกู้ ผมก็จึงชี้ให้เห็นว่า ล่าสุดตัวเลขหนี้ของประชาชน หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นมาก หนี้ครัวเรือนขณะนี้ ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเกือบ 20% เพิ่มเร็วกว่ารายได้มาก ทำให้ในที่สุด 2 ปีผ่านไป ทั้งรัฐบาลไทย และคนไทยมีแต่หนี้เพิ่มขึ้น ในฝีมือของการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้
ผมอภิปรายเรื่องนี้อยู่ชั่วโมงนึง นายกฯ ก็นั่งฟัง ผมนึกว่าฟังเสร็จจะตอบ ปรากฏว่า ฟังเสร็จก็ลุกออกไป 2 วันครึ่งในสภานี่ ผมอยู่ตลอด มีช่วงเดียวที่ผมไม่อยู่ในสภา ปรากฏว่านายกฯ เข้ามาในห้องประชุม แล้วก็มาพูดว่า เสียดายผู้นำฝ่ายค้านไม่อยู่ ที่ผมไม่อยู่นี่ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ ผมเดินไปหน้าสภา เพราะเขามาประท้วงว่ารัฐบาลไม่สนใจโครงการสวัสดิการชุมชน ก็ต้องไปพบกับประชาชนที่เขามาชุมนุมข้างหน้า
ผมไม่อยู่นายกฯ ก็รีบมาชี้แจงเลยครับว่า มียุทธศาสตร์อย่างนั้นอย่างนี้ เสร็จแล้ว พอชี้แจงเสร็จ รีบออกไป ผมกลับเข้ามาสภาหายไปแล้ว ผมก็เลยยกมือบอกท่านประธาน เมื่อสักครู่นายกฯ มานี่ บอกเสียดายผมไม่อยู่ ผมทราบแล้วว่านายกฯ พูดว่าอะไร เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง จะรอนายกฯ กลับมาแล้วผมจะได้อภิปราย ปรากฏว่า ผมอยู่วันนั้นถึงตี 1 ไม่กลับเข้ามาเลย เช้าวันศุกร์ เปิดประชุม 8 ครึ่ง เข้าไปนั่งในสภา ปรากฏนายกฯ ไปศรีลังกาแล้ว
จะบอกนายกฯ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ตอนท้ายเลยบอกสั้นๆ บอกนายกฯ มาบอกทุกอย่างทำมามียุทธศาสตร์ แล้วก็ไม่รู้ใครเอาตัวเลขไปใส่มือนายกฯ รีบออกมาประกาศภาคภูมิใจ บอกมีองค์กรระหว่างประเทศ เขาจัดอันดับขีดความสามารถของประเทศไทย ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ นี่ดีขึ้นทุกด้าน ผมก็จะบอกนายกฯ ว่า มันจะไม่ดีขึ้นได้ยังไงล่ะครับ เปรียบเทียบกับปีที่ทำป่นปี้ไว้จากน้ำท่วมครั้งใหญ่ เสียดายนายกฯ ไม่อยู่ ผมบอกได้เลยว่า ทุกตัวเลขที่นายกฯ อ่านด้วยความภาคภูมิใจ ปรากฏว่าไม่มีเรื่องไหนเลย ที่อันดับดีกว่าประเทศไทยเมื่อปี 2553 ที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
เพราะฉะนั้น 3 วัน ตอนนี้สภาปิดไปแล้ว งบประมาณก็เข้าไปสู่วาระของคณะกรรมาธิการ แล้วจะกลับมาเป็นวาระ 2 วาระ 3 ผมก็ยังขอบคุณที่ปิดสภา เพราะผมรู้ว่ามีหลายคนจ้องจะเอาเรื่องรัฐธรรมนูญ จ้องจะเอาเรื่องเงินกู้ จ้องจะเอาเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภา ตกลงก็คือไปเจอกันเดือนสิงหาคม ระหว่างนี้นี่ เขาก็ยังไม่ลดละความพยายาม
รองประธานสภา เจริญ จรรย์โกมล เจอผม ก็บอกว่ายังอยากคุยอยู่นะเรื่องปรองดอง ผมก็บอก ครั้งที่แล้วคุยกัน ก่อนปิดสภาไปตอนเดือนเมษาน่ะ ผมก็บอกท่านประธานแล้ว อยากคุยกันเอากฎหมายตอนนั้นมี 4 ฉบับ ถอนออกไปก่อนแล้วค่อยไปคุยกัน วันนี้ยังไม่ทันไปถอน 4 ฉบับ เข้ามาอีก 3 ฉบับ เป็น 7 ฉบับ ผมบอกท่านอยากคุยกับผมตอนนี้ต้องไปถอน 7 ฉบับ ออกไปก่อน ไอ้นี่มัน ตามหาใครอีกละเนี่ย ตอแหลก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ อย่านึกว่าผมพูดไปฟังไปไม่ได้นะ เออ ไอ้คนนี้ไม่เกี่ยว คนนี้แค่เป็นผู้เชี่ยวชาญ มาอ่านว่าคำว่าตอแหลแปลว่าอะไร
นอกจากรองประธานเจริญแล้ว ยังมีคนเดินมาหาผมในสภา ผมเรียก คุณเฉลิมได้มั้ย เฉลิมก็มาบอกผม บอกทำกฎหมายให้ทุกคน ไม่เคยคิดร้ายกับใคร เอาเถอะ ผ่านๆ ไปจะได้จบ ไม่มีการคืนเงินให้ทักษิณ ผมก็บอกไม่คืนยังไงล่ะ ก็บอก คตส.เป็นโมฆะ แล้วจะไม่คืนยังไง ไอ้ยึดทรัพย์ ก็บอก โอ๊ย .. ยึดทรัพย์มันโทษแพ่ง ยึดทรัพย์โทษแพ่ง ผมบอกจบกฎหมายที่ไหนมา ไปดูสิ โทษริบทรัพย์มันโทษอาญา หรือโทษแพ่ง ไม่มีๆ ไม่มีคืน ผมบอกพี่น้องว่า อย่าไปเชื่อ อย่าไปเชื่อเพราะเขียนชัดเจนพยายามที่จะให้ คตส.เป็นโมฆะ ถ้า คตส.เป็นโมฆะ มันก็จะมีคนโลภละครับ กฎหมายผ่านก็ถ้าโมฆะ ก็4 หมื่น 6 พันล้าน ที่เอาไป ก็ต้องกลับคืนไปเหมือนเดิมใช่มั้ยล่ะครับ
ผมบอกยอมไม่ได้หรอกครับ แล้วไม่ต้องมาห่วงผม ผมบอกหลายครั้งแล้ว ไม่ต้องมาห่วงผม ไม่ต้องมาห่วงคุณสุเทพ เราพร้อมสู้คดีในศาลทุกคดี พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ข้างหลังฟังให้ดี ถ้าคนบนเวทีนี้เป็นฆาตกรจริง ต้องสนับสนุนกฎหมายนิรโทษกรรมสิ คิดแค่นี้ไม่ออกได้ไง
ที่ไม่เอา เพราะบนเวทีนี้ไม่มีคนฆ่า ไม่มีคนเผา ไม่มีคนโกง อยากตามหาฆาตกร ไปหาไอ้พวกคนเผา คนโกง พวกเดียวกัน
ฉะนั้นพี่น้องครับ ปิดสภาแล้ว เดือนมิถุนา เดือนกรกฎา จะยังไม่มีการเคลื่อนไหวในสภา แต่กฎหมาย 7 ฉบับรออยู่ เปิดมา 1 สิงหา กฎหมายของวรชัย เหมะ อยู่อันดับที่ 1 แล้วก็จะมีความพยายามพ่วงฉบับอื่น พ่วงตอนแรกไม่ได้ อาจจะไปใช้เล่ห์เลี่ยม แปรญัตติในวาระที่ 2 วาระที่ 3 เราวางใจไม่ได้ อยากดูเหรอครับ ไอ้ตรงนี้ เห็นเรียกหาอยู่นั่น
พี่น้องครับ เล่ห์เหลี่ยมของเขา เปิดสภามา ไม่รู้ว่าจะทำวิธีไหนอย่างไร แต่พวกเราไม่มีเล่ห์เลี่ยมใดๆ ทั้งสิ้น บอกอย่างเดียวว่า สู้ถึงที่สุด ไม่ให้ผ่าน เพราะฉะนั้นขอเสียงดังๆ ยืนยันว่าเราจะสู้กันต่อไป