ผบ.ทบ.เรียกประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง ให้ความมั่นใจก่อนบินไปสหรัฐฯ 10 วัน สานสัมพันธ์กองทัพสองประเทศ ไม่หวั่นกระแสข่าวจะถูกเด้ง ลั่นอย่าบอกว่ามาปลดเพราะไม่มีความผิด ตั้ง “ดาว์พงษ์” พร้อม 5 เสือช่วยดูแล หยันใครจะกล้าทำนอกคำสั่ง
วันนี้ (31 พ.ค.) มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เรียกประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ตั้งแต่ระดับผู้บังคับกองพันทั่วประเทศ ขึ้นไปจำนวนประมาณ 650 นาย มาประชุมที่หอประชุมกิตติขจร กองทัพบก ก่อนที่จะเดินทางไปเยือนกองทัพบกสหรัฐฯ ตามคำเชิญระหว่างวันที่ 1-10 มิ.ย. นี้ ท่ามกลางกระแสข่าวการรัฐประหาร การปลดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ที่เกิดมาต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การประชุม นขต.ทบ.เป็นการสร้างอนาคตของกองทัพบกว่าจะเป็นอย่างไร โดยเราต้องนำบทเรียนในอดีต ที่เราอาจจะไม่มีโอกาสได้รับรู้รับทราบมาพูด วันนี้เราเป็นกองทัพบกในยุคใหม่ ขณะที่สถานการณ์ภายนอกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงอยากให้ผู้บังคับหน่วยได้เรียนรู้เร็วมากขึ้น ซึ่งเรามีหลักสูตรให้นักเรียนนายร้อย จปร.ที่เรียนจบใหม่ไปศึกษาดูงาน 3 เดือน เพื่อให้สามารถยืนอยู่หน้าแถวทหารได้ ต่างกับสมัยก่อนที่ตนต้องต่อสู้ด้วยตนเอง เพราะวันนี้งานของกองทัพมีมากขึ้นจึงต้องสอนและแนะนำให้มีการพัฒนาตอบสนองต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ให้เร็วขึ้น
“ผมอยากให้มีการประชุมระดับผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงทุก 3-6 เดือน เพื่อที่จะได้รู้ว่ากองทัพบกมีการขับเคลื่อนอะไรบ้าง และมีโอกาสพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงว่า มีปัญหาอะไรบ้าง เพราะผมเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน ต้องการสร้างเฟืองทุกเฟืองให้ช่วยขับเคลื่อนเฟืองใหญ่คือ ผบ.ทบ.เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้ คนที่จะโตหรือไม่โต ในกองทัพบกอยู่ที่ความแตกต่างในเรื่องของความรู้ความสามารถ หากไม่ดีคงไม่ผ่านการตรวจสอบ” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า ได้พูดกับกำลังพลถึงกระแสข่าวการปรับย้าย ผบ.ทบ.ออกจากตำแหน่งด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนได้บอกผู้บังคับหน่วยว่า ถ้าตราบใดที่ตนยังอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ก็จะทำงานแบบนี้ หากตนไม่อยู่ก็จะมีคนมาทำหน้าที่ ดังนั้นตนต้องพร้อมไม่ใช่พอตนพูดไปก็มาหาว่า ตนพร้อมย้ายซึ่งทหารทุกคนพร้อมย้ายตั้งแต่เรียนจบ อย่าบอกว่ามาปลดนั้นคงไม่ได้ เพราะไม่มีความผิด แต่หากมีการปรับย้ายก็เป็นเรื่องของคณะกรรมพิจารณาปรับย้ายนายทหาร ทั้งนี้อย่านำเรื่องนี้ไปพูด เพราะจะเกิดความเสียหาย ตนเป็นข้าราชการประจำพูดอะไรมากไม่ดี แต่พูดน้อยไปสื่อก็ไม่เข้าใจ ดังนั้นอยากให้สื่อเห็นใจ
เมื่อถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์ในช่วงที่จะเดินทางไปเยือนสหรัฐฯหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ.ทำหน้าที่แทน และมี 5 เสือกองทัพบกช่วยดูแล โดยมอบหมายให้ช่วยดูแลหากเกิดเหตุการณ์อะไร ก็สามารถบินกลับได้ในทันที เมื่อถามว่า จะไม่มีเหตุการณ์นอกคำสั่งอย่างที่มีข่าวลือหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกคำสั่งทำไม่ได้ ตนอยากถามว่า ใครจะกล้าทำ กองทัพบกก็คือกองทัพบก คนสั่งได้มากที่สุดคือ ผบ.ทบ.ตนถามว่าใครจะกล้าทำ และคนอื่นสั่งได้หรือไม่ กองทัพบกต้องสั่งจากยอดลงมาทำอะไรนอกระบบไม่ได้ ถ้าทำนอกระบบจะผิดระเบียบกติกา การเมืองก็แก้ไขกันไป ส่วนทหารก็ทำหน้าที่ดูแลประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเดินทางไปเยือนสหรัฐระหว่างวันที่ 1-10 มิ.ย.ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการสานความสัมพันธ์ระหว่ากองทัพของทั้งสองประเทศ หลังจากเข้ารับตำแหน่งตนต้องเดินทางเยือนกองทัพบกสหรัฐฯ เพื่อแนะนำตัว แต่ทางสหรัฐฯเคยเชิญตนไปเยี่ยมที่กองกำลังภาคพื้นแปซิฟิก ที่รัฐฮาวาย ซึ่งตนเคยไปมาแล้ว และทางสหรัฐฯก็อยากให้ไปเยือนแผ่นดินใหญ่ เพื่อไปดูงานที่โรงเรียนด้านการทหารการฝึกศึกษา การส่งกำลังบำรุง เพราะโครงสร้างกอทัพของไทยเดิมมาจากมาตรฐานของสหรัฐฯ ในช่วงเริ่มต้น ขณะนี้สหรัฐฯมีความเปลี่ยนแปลงไปมากจึงอยากไปดูการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำมาปรับให้เหมาะสมกับกองทัพบกไทย
“เราสร้างมิตรประเทศเป็นเพื่อนดีกว่าไปรบกัน สหรัฐฯเป็นเพื่อนกับไทยมา 180 ปี โดยที่ผ่านมา ผบ.ทบ.สหรัฐฯได้เดินทางมาเยือนกองทัพบกไทยแล้ว แต่ผมยังไม่ได้ไปเยือนเลย โดยกำหนดการเดินทางครั้งนี้จะไปทั้งหมด 4 รัฐ 10 หน่วยงาน ซึ่งจะได้เจอบุคคลจำนวนมาก และจะนำส่วนดีๆ กลับมาใช้” ผบ.ทบ.ระบุ
เมื่อถามว่า สหรัฐฯจะช่วยเหลืออะไรกองทัพบกได้บ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้มีการประชุม SAR หรือการค้นหาและช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน เป็นการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุง เช่น เฮลิคอปเตอร์ ยานพาหนะ การจัดซื้อจัดหาระบบ FMS หรือการช่วยเหลือให้กับมิตรประเทศของสหรัฐฯ อีกทั้งการประชุม ESC (เจ้าหน้าที่ระดับกลาง) ที่มี 39 กิจกรรม ซึ่ง พล.ต.แม็ททริว รองผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นแปซิฟิกเดินทางมา ถือเป็นการแลกเปลี่ยนการเยือน จะได้ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
“เราต้องระมัดระวังเรื่องความไว้วางใจกับประเทศอื่นด้วย ในวันนี้การส่งกำลังทหารเข้ามาในแต่ละประเทศไม่ใช่เรื่องยาก เพราะฉะนั้นเขาจะต้องสนับสนุนอุปกรณ์ชิ้นส่วนซ่อมต่างๆ บางอย่างหมดอายุไปแล้ว บางอย่างก็ต้องขอความสนับสนุนช่วยเหลือ” ผบ.ทบ.กล่าว
ทางด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่าผู้บัญชาการทหารบกจะเข้าเยี่ยมคำนับผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ และปลัดทบวงกองทัพบกสหรัฐฯ ณ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ พร้อมทั้งจะเยี่ยมชมและรับทราบภารกิจของหน่วยงานด้านการทหารที่สำคัญของประเทศสหรัฐฯ ได้แก่ United States Army Forces Command และ Airborne Division (กองพลส่งกำลังทางอากาศ ที่ 82) ณ มลรัฐ นอร์ทแคโรไลนา, Joint Readiness Training Center (ศูนย์ฝึกเตรียมความพร้อมในการรบร่วม) มลรัฐลุยเซียนา และ Maneuver Center of Excellence (ศูนย์ดำเนินกลยุทธ์เพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศ) มลรัฐจอร์เจีย ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพสูงในการฝึกบุคลากรของกองทัพบกสหรัฐฯ ให้มีความชำนาญในด้านปฏิบัติการรบ
นอกจากนี้ผู้บัญชาการทหารบกจะได้ร่วมประชุมหารือกับผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ และรับฟังการบรรยายสรุปจากหน่วยงานด้านการ “สงครามอสมมาตร” ของกองทัพบกสหรัฐฯ ด้วย การเดินทางเยือนกองทัพบกสหรัฐฯ ในครั้งนี้ นับเป็นการกระชับความสัมพันธ์ทางด้านการทหารกับสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการฝึก การศึกษา การพัฒนาบุคลากร การบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงความร่วมมือด้านยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีทางทหารที่ทันสมัย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความร่วมมือกันในทุกมิติยิ่งขึ้น
อนึ่ง เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2555 ผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางเยือนกองกำลังทางบกสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิก (USARPAC) มลรัฐฮาวายอย่างเป็นทางการ และล่าสุด รองผู้บัญชาการกองกำลังทางบกสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นแปซิฟิก ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคำนับผู้บัญชาการทหารบก ในโอกาสที่ได้นำคณะเข้าร่วมประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับกลางของกองทัพบกไทยและกองทัพบกสหรัฐฯ เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลในประเด็นทางทหารและความมั่นคงที่สนใจร่วมกัน ระหว่าง 26 พ.ค. ถึง 1 มิ.ย. 56 ที่กองบัญชาการกองทัพบก