ส.ส.สองแคว ปชป.ชำแหละโครงการจำนำข้าวภาค 2 คนรวยคือโรงสี รวยสุดนายทุนข้าว-คนในรัฐบาล เหตุขายข้าวให้เฉพาะกับโรงสีหรือนักธุรกิจที่มีความใกล้ชิด เพื่อนำไปขายต่อฟันกำไร แฉเลขา รมว.พาณิชย์ตัวการเหนือคนในกระทรวง ด้าน ส.ส.เพื่อไทยสะสมแต้ม รุมประท้วงระส่ำ
วันนี้ (29 พ.ค.) ในการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 57 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายโครงการจำนำข้าว โดยยืนยันว่าสิ่งที่บอกว่าชาวนาขายข้าวได้ 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ไม่จริง คนที่รวยคือนายทุนโรงสี แต่คนรวยสุดคือ นายทุนผูกขาดด้านข้าวและคนในรัฐบาล โดยใช้วิธีระบายข้าวที่อ้างเป็นความลับ วิธีโกงคือ การขายแบบจีทูจี การขายผ่านผู้ประกอบการ การขายให้องค์กรหรือหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะการระบายข้าวผ่านผู้ประกอบการในสมัยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็น รมว.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 54 มีการขายข้าวขาว 8 แสนกิโลกรัม ราคาตันละ 5,700 บาทแก่โรงสีโชควรลักษณ์ จ.กำแพงเพชร ต่อมา วันรุ่งขึ้น 22 ธ.ค. 54 โรงสีโชควรลักษณ์นำขายข้าวลอตนี้ไปขายต่อแก่โรงสีแห่งหนึ่งที่ จ.กำแพงเพชร ในราคาตันละ 12,000 บาท โดยใช้แฟกซ์โอนใบมอบอำนาจแค่ใบเดียวราคา 5 บาท แต่ฟันกำไรเหนาะๆ ถึง 6,300 บาทต่อตัน
“อยากทราบว่าเป็นการขายด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือไม่ นายกิตติรัตน์ปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะกำไรที่โรงสีได้รับมากกว่าเงินที่รัฐบาลได้ ซึ่งคิดได้ 2 ประเด็น คือ 1. ฉลาดน้อย 2. สมรู้ร่วมคิด แต่คนระดับนายกิตติรัตน์ไม่เชื่อว่าจะฉลาดน้อย” นพ.วรงค์กล่าว
นพ.วรงค์กล่าวว่า ยอดการขายข้าวในโครงการจำนำข้าวปี 54 มีมูลค่า 20,473 ล้านบาท จึงอยากรู้ว่า แล้วส่วนต่าง 6,300 บาทต่อตัน ไปเข้ากระเป๋าพวกท่านเท่าไหร่ ล่าสุดเดือน ก.พ.ปี 56 มียอดการขายข้าวในโครงการ 66,000 ล้านบาท ดังนั้นจะมีเงินเข้ากระเป๋าทุนสามานย์เท่าไร
ส่วนเหตุผลที่มีการขายข้าวให้โรงสีโชควรลักษณ์นั้น เจ้าของโรงสีแห่งนี้ชื่อ “เสี่ยเปี๊ยก” ตนตั้งสมมติฐานได้ว่า “เสี่ยเปี๊ยก” เป็นคนใกล้ชิด “เสี่ยเปี๋ยง” ที่เป็นนายทุนผูกขาดการค้าขายรายใหญ่และมีความใกล้ชิดนายใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลขายข้าวให้เฉพาะกับโรงสีหรือนักธุรกิจที่มีความใกล้ชิด เพื่อนำไปขายต่อฟันกำไร และทุกคนทราบดีว่านักธุรกิจที่ขายข้าวอันดับ 1 ในประเทศไทยคือ “เสี่ยเปี๋ยง” และเป็นที่รู้กันว่า โรงสีเพรสซิเดนท์ ซึ่งเป็นไซโลขนาดใหญ่เก็บข้าวได้เป็นแสนตัน มีเสี่ยเปี๋ยงเป็นเจ้าของ แต่ต่อถูกฟ้องล้มละลาย จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “เคทีบี” ที่ล่าสุดกลายเป็นคู่สัญญาการทำสัญญาเก็บข้าวเปลือก 288,000 ตันกับรัฐบาล โดยผู้ลงนามทำสัญญาของเคทีบี คือ เจ้าของโรงสีที่ จ.ลพบุรี สะท้อนว่าเป็นมีความผูกพันใกล้ชิดกับผู้มีอิทธิพลในการค้าขายข้าว จึงไม่แปลกที่รัฐบาลขายข้าวราคาถูกให้แล้วโรงสีไปขายต่อในราคาแพง แสดงว่าในกระทรวงพาณิชย์มีคนไม่ธรรมดาเป็นจอมบงการเรื่องนี้ ซึ่งได้ติดตามตรวจสอบพบว่า บุคคลคนนี้มีความสำคัญในอยู่ในทุกรัฐบาล โดยมีตำแหน่งเป็นเลขานุการ รมช.พาณิชย์ สมัยที่นายกิตติรัตน์เป็น รมว.พาณิชย์ และมีตำแหน่งเป็นคณะกรรมการในโครงการจำนำข้าวทุกชุด และเมื่อมีการปรับ ครม.ให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็น รมว.พาณิชย์ บุคคลคนนี้ก็ยังมาเป็นเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และยังได้เป็นคณะกรรมการในนโยบายจำนำข้าวทุกชุดเหมือนเดิม
“แม้แต่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่มีสถานะเป็น รมช.พาณิชย์ ยังไม่ได้เป็นกรรมการเรื่องการจำนำข้าวเลย แสดงว่าคนคนนี้มีความสำคัญมาก มีอำนาจเหนือรัฐมนตรี คนคนนี้คือ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ ซึ่งเป็นตัวจริงเสียงจริงในกระทรวงพาณิชย์ มีความใกล้ชิดกับกลุ่มทุนด้านข้าว ซึ่งข้าราชการจะเสนออะไร ท่านรัฐมนตรีจะถามว่าคุณหมอทราบหรือยัง ทุกครั้ง” นพ.วรงค์กล่าว
นพ.วรงค์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีตัวแทนนายทุนสามานย์อีกคน ใช้รถโฟลก์สวาเก้น ทะเบียน ฮธ 20 เข้าออกกระทรวงพาณิชย์ทุกวัน ซึ่งคนในกระทรวงกระซิบตนว่าเขามาทำงานตามปกติ เมื่อสืบค้นดูพบว่า เจ้าของรถคือ น.ส.ชุติมา วัชระพุกกะ ตอนแรกก็ไม่แปลกใจแต่ก็กังขาว่าเป็นคนเดียวกับนางชุฏิมา วัจนะพุกกะ ที่เป็นภรรยาของ นพ.วีระวุฒิหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการอภิปรายของ นพ.วรงค์ ส.ส.เพื่อไทยลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะ เนื่องจากมีการพาดพิงถึงบุคคลภายนอก ที่ไม่มีสิทธิชี้แจงทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งนายเจริญได้ตักเตือนขอให้พาดพิงเท่าที่จำเป็น แต่ นพ.วรงค์ยังคงพาดพิงบุคคลภายนอกเป็นระยะ จนเกิดการโต้เถียงระหว่างกันอยู่นาน จนนายเจริญต้องสั่งพักประชุม 10 นาที เมื่อเวลา 19.10 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากได้เปิดประชุมอีกครั้ง นพ.วรงค์ ยังคงอภิปรายในประเด็นจำนำข่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าที่อยู่ของนางชุฏิมา วัจนะพุกกะ มีที่อยู่เดียวกันกับเจ้าของรถโฟล์ก และรถโฟล์กคันดังกล่าวเป็นของบริษัทสยามอินดิก้า และจากการตรวจสอบที่อยู่นั้นพบว่าเจ้าของบ้านเป็นคนสนิทของคนแดนไกลด้วย ตนจึงคาดเดาได้ว่า น.ส.ชุฏิมา วัชระพุกกะ และนางชุฏิมา วัจนะพุกกะ น่าจะเป็นคนคนเดียวกัน แต่จดทะเบียนหย่ากับ พ.ต.นพ.วีระวุฒิเพื่ออำพรางบางอย่าง
นอกจากนี้ ระหว่างการอภิปราย นพ.วรงค์ยังได้โชว์แผ่นชาร์ตเครือข่ายทุนสามานย์ ซึ่งมีรูปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นนายใหญ่ และยังมีภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี รวมไปถึง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ด้วย
ภายหลังการอภิปรายในห้องประชุม นพ.วรงค์ ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า ข้อมูลที่ได้อภิปรายในวันนี้ตนจะรวบรวมเป็นเอกสารและจะปรึกษาทนายความของพรรคว่าจะสามารถดำเนินการเอาผิด่อผู้ที่เกี่ยวข้องได้หรือไม่อย่างไร โดยจะยื่นให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเร็วนี้