xs
xsm
sm
md
lg

“ไฟฟ้าดับ” 14 จังหวัดภาคใต้ สถานการณ์สร้าง “โมฆะสตรี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงานการเมือง

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้ชื่อว่ามีความสามารถด้านการตลาดนำการเมือง ตามรอยพี่ชายนักโทษไม่มีผิดเพี้ยน อาจจะทรงประสิทธิภาพในการควบคุมสื่อไว้ในมือได้มากกว่ายุคที่พี่ชายนักโทษเรืองอำนาจด้วยซ้ำไป

เพราะในอดีตเรายังพอมองเห็นความพยายามที่จะต่อต้านจากสื่อมวลชนหลายสำนัก ที่ไม่ยอมสยบเป็น “ขี้ข้าทรราช”

แต่วันนี้สื่อสำนักเดิมที่เคยเชิดหน้าสู้ กลับก้มหัวให้เขาเหยียบเพื่อแลกกับโฆษณายาไส้ ภายใต้กรอบคิดว่า “สื่อคือธุรกิจ”

เมื่อควบคุมสื่อหลักได้แบบเบ็ดเสร็จ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แอนด์ เดอะแก๊ง จึงกล้าที่จะทำในหลายสิ่งหลายอย่าง ที่มนุษย์ผู้มีสำนึกไม่คิดที่จะทำ เพียงเพราะมั่นใจว่าสามารถกลับดำให้เป็นขาว พลิกผิดให้เป็นถูกได้ง่ายดายไม่ต่างจากการพลิกฝ่ามือ

ถ้าต้องการที่จะลอยตัวพลังงาน โยนภาระให้ประชาชนจ่ายค่าไฟ ค่าแก๊ส แพงขึ้น ก็โหมประโคมข่าวว่า พลังงานกำลังจะหมด ต้องประหยัดอย่างยิ่งยวด ต้องเร่งหาแหล่งพลังงานใหม่ และต้องยอมจำนนกับราคาพลังงานที่จะพุ่งสูงขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลที่ทำเพราะความจำเป็น

สภาพการณ์ข้างต้นเป็นแผนการใช้สื่อมวลชนล้างสมองประชาชนอย่างแยบยล

แต่ในความเป็นจริง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่คิดว่าตัวเองมีดีที่การโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อมวลชนอย่างทรงพลังนั้น กลับกลายเป็นรัฐบาลที่อ่อนด้อยอย่างที่สุดในการใช้สื่อมวลชนเพื่อดับทุกข์ให้กับประชาชนเมื่อเกิดเหตุร้่ายแรง ฉุกเฉิน

หากยังจำกันได้กับวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปี 2554 ยิ่งลักษณ์ ออกทีวีพูลละล่ำละลัก ชี้แจงสถานการณ์ด้วยเสียงสั่นเครือ จนกลายเป็นการสร้างความตื่นตระหนกมากกว่าที่จะปลุกปลอบขวัญให้ประชาชนมีกำลังใจสู้กับมวลน้ำที่ถาโถมท่วมไปเกือบทั้งประเทศ

ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อเกิดเหตุที่เสี่ยงต่อการเกิดสึนามิใน 6 จังหวัดฝั่งอันดามัน เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2555 รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ต้องชี้แจงสถานการณ์ ประกาศเตือนภัยให้ประชาชนรับทราบอย่างทันท่วงที กลับให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บันทึกเทปชี้แจงสถานการณ์ก่อนนำออกเผยแพร่ผ่านทีวีพูล

บันทึกเทปเพื่อแจ้งวิกฤตในขณะที่ประชาชนในพื้นที่เผชิญอันตรายจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ภายในเสี้ยววินาที แต่นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยใช้การสื่อสารถึงประชาชนด้วยการบันทึกเทป สะท้อนไปถึงหัวใจที่ไม่เคยมีไว้เพื่อห่วงใยประชาชน

ในวันดังกล่าวมีการนำเทปคำแถลงของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มาออกอากาศ ในเวลา 20.15 นาฬิกา ขณะที่นาฬิกาดิจิตอลด้านหลังนายกรัฐมนตรีบอกตัวเลขความจริงว่า ระหว่างที่ผู้นำประเทศกำลังพูดนั้นคือเวลา 19.29 นาฬิกา เร็วกว่าที่นำมาออกอากาศเกือบ 1 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีความหมายอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในกรณีของภัยพิบัติ

ข้อความที่ ยิ่งลักษณ์ บันทึกเทปส่งถึงประชาชนและนำมาออกอากาศในช่วงเวลา 20.15 นาฬิกานั้น มีช่วงหนึ่งระบุว่า

"ขณะนี้ได้รับรายงานว่าได้เกิดอาฟเตอร์ช็อก ขนาดใหญ่ที่ระดับ 8.8 ริกเตอร์ ดังนั้น จึงถือว่าอันตรายจากสึนามิยังมีอยู่ ดังนั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนยังคงอยู่ในที่สูงต่อไป จนกว่าศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติจะได้แจ้งยกเลิกการเตือนภัย"

ทำเอาชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงตื่นตระหนกหนักกว่าเดิม เพราะก่อนหน้าที่จะมีการนำเทปดังกล่าวมาออกอากาศผ่านทีวีพูลนั้น ศูนย์เตือนภัยฮาวายได้เลิกคำเตือนสึนามิทั้งหมดตั้งแต่เวลา 20 นาฬิกา

ก่อนที่จะมีการเผยแพร่คำเตือนของนายกรัฐมนตรีผ่านทีวีพูลถึง 15 นาที

เป็นการเตือนภัยที่รัฐบาลเพื่อไทยมุ่งเน้นให้ ยิ่งลักษณ์อ่านสุนทรพจน์เพื่อภาพลักษณ์ทางการเมือง มากกว่าจะตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบของตนว่า กำลังต้องบริหารสถานการณ์คับขันที่มีชีวิตประชาชนเป็นเดิมพัน

มาคราวนี้เมื่อเกิดเหตุไฟฟ้าดับ 14 จังหวัดในภาคใต้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ใช้สื่อมวลชนเพื่อประโยชน์ทางการเมืองได้อย่างดีเยี่ยม ก็สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนด้อยในการสื่อสารกับประชาชนเพื่อชี้แจงสถานการณ์ฉุกเฉินอีกครั้ง

ตลอดช่วงที่ไฟฟ้าดับเราไม่ได้เห็นสื่อหลักทำหน้าที่ของตัวเองในการบอกกล่าวเหตุการณ์ฉุกเฉินนี้กับคนไทย ราวกับว่าชีวิตพี่น้องภาคใต้ 14 จังหวัดที่กำลังอยู่กับความมืด มิได้มีความสลักสำคัญอะไร

ทีวีดาวเทียมอย่าง ASTV และเว็บไซต์manager.co.th.กลับกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามสถานการณ์ ทำหน้าที่ให้แสงสว่างในความมืดมิดของ14จังหวัดภาคใต้ในคืนอังคารดับ

ขณะที่การสื่อสารหลักเพื่อส่งผ่านข้อมูลท่ามกลางความตระหนกของผู้คนที่จมอยู่กับความมืดมิด กลับกลายเป็นการรายงานผ่านดุลอำนาจขั้วใหม่คือ การสื่อสารผ่านระบบอินเตอร์เน็ตทั้งในทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ค

เป็นการสื่อสารายงานโดยนักข่าวพลเมืองแทนนักข่าวมืออาชีพที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างเข้มแข็งเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน

เลวร้ายไปกว่านั้นคือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่ได้แสดงความอนาทรร้อนใจต่อความมืดที่แผ่คลุมไปทั่วพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้
 

ไม่มีนายกรัฐมนตรีออกทีวีพูลเพื่อชี้แจงสถานการณ์ มีเพียงการไล่ล่าขอสัมภาษณ์ พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน จากสื่อทีวีดาวเทียมเป็นอันดับแรก ก่อนที่สื่อหลักจะเริ่มขยับตัว ซึ่งก็ล่าช้ากว่าสถานการณ์ไปมาก จนแทบไม่มีประโยชน์จากการรายงานข่าวดังกล่าว

น่าแปลกใจที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งนิยมชมชอบกับการเสนอหน้ายิ้มให้กล้องอยู่เป็นนิจ กลับไม่มีสติปัญญาที่จะบอกตัวเองว่า ควรออกไปยืนหน้ากล้องเพื่อปลุกปลอบประชาชนในชาติที่กำลังประสบกับภาวะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย

น่าแปลกที่ ยิ่งลักษณ์ ไม่ตระหนักสักนิดว่า ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอยู่ในความมืดมิดนั้น มีความเสี่ยงต่อภัยด้านความมั่นคงอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตประชาชนได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อทั้งเมืองจมอยู่กับความมืด

ไฟฟ้าดับ 14 จังหวัดภาคใต้ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เหตุการณ์ที่จะถูกนำไปใช้เพื่อเป็นข้ออ้างในการสร้างความชอบธรรมสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในพื้นที่ภาคใต้เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานการณ์ที่สร้างโมฆะสตรีให้เห็นชัดเจนอีกครั้งหนึ่งว่า

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ นายกรัฐมนตรีที่แย่ที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยเคยม
กำลังโหลดความคิดเห็น