กมธ.พิจารณาแก้ไข รธน.รื้อ ม.68 ตัดสิทธิ์ประชาชนยื่นฟ้องคนล้มล้างการปกครองโดยตรงต่อศาล รธน.โดยให้ผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ขณะเดียวกัน ยังแก้ 237 ยกเลิกยุบพรรค คืนสิทธินักการเมืองที่เคยถูกวินิจฉัยให้เว้นวรรคการเมือง 5 ปี
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ พร้อมด้วยนายขจิตร ชัยนิคม โฆษกคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 68 และมาตรา 237 แถลงข้อยุติการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวว่า มีการแก้ไขในมาตรา 3 ด้วยมติเสียงส่วนใหญ่ 22 เสียง ให้ยกเลิกความในมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเพิ่มเติมข้อความที่กำหนดให้บุคคลสามารถใช้สิทธิเสรีภาพตามหมวด 3 เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมิได้
โดยผู้ทราบการกระทำมีสิทธิ์เสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อเห็นว่าการกระทำดังกล่าว ให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สั่งเลิกการกระทำดังกล่าว แต่หากเห็นว่าการกระทำไม่เข้าข่าย อัยการสูงสุดสามารถมีคำสั่งยุติเรื่องได้ ซึ่งอัยการสูงสุดมีเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่รับเรื่อง
ทั้งนี้ หากอัยการสูงสุดไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ทราบการกระทำมีสิทธิ์เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยสั่งการได้โดยตรง ซึ่งต้องยื่นเรื่องภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ครบกำหนดการดำเนินการของอัยการสูงสุด
นายพร้อมพงศ์ ยืนยันว่าการแก้ไขมาตรา 68 ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชนในการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการแก้ไขให้ชัดเจนว่าควรดำเนินตามขั้นตอนที่เหมาะสม โดยให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณา และยังเปิดช่องให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ หากมีการดำเนินล่าช้า
ขณะที่ มาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรค ให้คงตามร่างแก้ไขเดิม ในการยกเลิกโทษยุบพรรคการเมือง และคืนสิทธิการเลือกตั้งให้กับ ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่เคยถูกวินิจฉัยให้ถุกยุบพรรคการเมือง และถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้ง
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการเตรียมเชิญผู้แปรญัติเข้าชี้แจงในที่ประชุมตั้งแต่วันที่ 5-7 มิถุนายนนี้ โดยมีผู้แปรญัติรวม 203 คน