xs
xsm
sm
md
lg

"อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา" เปิดข้อเท็จจริงสวนคำ"แม้ว"สไกป์แหล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา (แฟ้มภาพ)
"ชูชาติ ศรีแสง" ฉะ "ทักษิณ" จะเป็น ปชต. ไม่มีประเทศใดในโลกตั้งกองกำลังไว้คอยกดดัน ข่มขู่ รังควาน ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล เหน็บศาลซื้อไม่ได้ อย่าเหมาว่าศาลไม่มีอิสระ แนะจะรักษา ปชต. ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แค่บอกตัวเองและกลุ่มคนเสื้อแดงก็พอ พร้อมยก กม. ปิดปากสกัดแถซ้ำซากคดีที่ดินรัชดา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่20พ.ค. เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ท่านชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน สไกป์เข้ามาคุยกับคนเสื้อแดงซึ่งมารำลึกถึงความหลังในการยึดสี่แยกราชประสงค์ไว้เป็นดินแดนอิสระครบรอบ 3 ปี โดยมีสาระสำคัญบางตอนว่า "อยากกลับบ้านมาก แต่ถ้าบ้านเมืองได้ประชาธิปไตย มีความเป็นธรรม ไม่กลับก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็สู้กันต่อไป ขอพี่น้องอย่าทิ้งผม พรรคเพื่อไทย เราต้องสามัคคีกัน วันหนึ่งจะมาร่วมกันทำงานใหญ่สักครั้งถ้าจำเป็น เพื่อช่วยกันรักษาประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ประชาธิปไตยที่มีความเป็นธรรม ประชาธิปไตยที่องค์กรอิสระที่เป็นอิสระ ขอให้องค์กรอิสระมีจิตใจมีอิสระเสียที ถ้าศาลไม่มีอิสระ ยอมหักวิชาที่เรียนมา บางคนเป็นอาจารย์สอนอย่างปฏิบัติอย่าง อยากเห็นบ้านเมืองกลับไปสู่ความยุติธรรม"

ทั้งนี้ถ้าสรุปคำกล่าวของทักษิณดังกล่าวก็เห็นได้ว่า ตามความคิดของทักษิณนั้น
......ประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย
......ประเทศไทยไม่มีความเป็นธรรม
......ศาลเป็นองค์กรอิสระ
......ศาลไม่มีอิสระ
......ต้องช่วยกันรักษาประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ที่ว่าประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตย ก็สงสัยว่าไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน อย่างไร รัฐธรรมนูญปี 2550 ถ้าเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญปี 2540 แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับ สิทธิเสรีภาพของประชาชน กับการมีส่วนร่วมของประชาชน มีบทบัญญัติให้สิทธิและคุ้มครองประชาชนดีกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ที่ทักษิณว่าไม่เป็นประชาธิปไตยอาจเป็นเพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 มีบทบัญญัติให้รัฐบาลถูกตรวจสอบจากฝ่ายค้าน องค์กรอิสระและประชาชนได้มากกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 ถ้าทักษิณยังจำได้ว่า หลังจากพรรคพลังประชาชนชนชนะการการเลือกตั้งและนายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2551 ทักษิณเดินทางกลับมากราบพระแม่ธรณีที่สนามบินสุวรรณภูมิ และได้เข้าสู้คดีที่ดินรัชดาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในขณะนั้นทักษิณไม่เคยพูดว่า ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย บริวารทั้งหลายก็ไม่เคยมีใครพูดว่าประเทศไทยไม่เป็นประซาธิปไตย แต่เมื่อบริวารไม่สามารถวิ่งเต้นให้สินบนองค์คณะผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีดังกล่าวได้ ทักษิณจึงหลอกศาลขออนุญาตไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิค 2008 ที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจัดการแช่งขันแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย หลังจากศาลมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปีและต่่อมาสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วนั่นแหละ กลุ่มคนเสื้อแดงที่ทักษิณให้การสนับสนุนจึงมีนวกรรมหลอกประชาชนให้มาชุมนุมอ้างว่า เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย และกดดันให้นายอภิสิทธิ์ลาออกจากนายกรัฐมนตรีหรือยุบสภาเพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ คำกล่าวของทักษิณที่ว่าประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย หากมีก็ไม่ใช่เป็นเพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่เป็นเพราะการกระทำของรัฐบาลปัจจุบันที่ทักษิณเป็นผู้ตั้งขึ้นมานั่นแหละ ที่ชัดเจนที่สุดก็คือการมีกองกำลังคนเสื้อแดงไว้คอยกดดัน ข่มขู่ รังควาน ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ซึ่งไม่มีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยของประเทศใดในโลกนี้กระทำกัน

ประเทศไทยไม่มีความเป็นธรรม ถ้าพูดในด้านสังคมและเศรษฐกิจก็ถูกที่ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ยากไร้และถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่มีฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจดีกว่า แต่ตลอดเวลาที่ทักษิณเป็นผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองอยู่ 5 ปีเศษ ได้ดำเนินการอะไรให้ประชาชนกลุ่มนี้มีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นบ้าง มีเพียงทักษิณกับญาติพี่น้อง พวกพ้องบริวาร เท่านั้นที่มีฐานะดีขึ้นมากมาย แต่ละคนมีทรัพย์สินเพิ่มขีึ้นเป็นพันล้าน หมื่นล้าน หรือแสนล้านบาทก็มี

ศาลเป็นองค์กรอิสระ เรื่องนี้คงจำกันได้ว่า น้องสาวทักษิณไปอ่านที่มองโกเลียตามที่มีคนเขียนให้อ่านว่าศาลเป็นองค์กรอิสระ ซึ่งก็คงเป็นไปตามความคิดของทักษิณนั่นเอง แสดงให้เห็นว่าทักษิณและบริวารทั้งหลายไม่ใด้ยอมรับหลักการของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพราะการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกยอมรับนั้น ศาลซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการ มีฐานะเท่าเทียมกับคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจบริหาร และรัฐสภาซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ รัฐธรรมนูญชองประเทศไทยทุกฉบับตั้งฉบับแรกจนถึงปัจจุบันก็ได้บัญญัติรับรองหลักการนี้ไว้เหมือนกัน ส่วนองค์การอิสระเพิ่งจะเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ตามรัฐธรรมนูญปี 2550 บัญญัติไว้ว่า องค์กรอิสระมีอยู่ 4 หน่วยงาน คือ 1 คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต 2 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช 3 ผู้ตรวจการแผ่นดิน และ 4 คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ทักษิณและบริวารคงมีแนวความคิดเช่นเดียวกับผู้นำเผด็จการทั้งหลายที่ถือว่าฝ่ายบริหารเท่านั้นที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศไม่เคยให้ความสำคัญกับอำนาจตุลาการ

ศาลไม่มีอิสระ ทักษิณนำเรื่องนี้มาพูดบ่อยมาก แต่ไม่เคยพูดให้ชัดเจนว่า ไม่มีอิสระอย่างไร ใครที่สามารถสั่งศาลได้ สั่งในคดีใดและสั่งให้พิพากษาอย่างไร น่าเชื่อว่าทักษิณสื่อความหมายไปถึงคดีที่ดินรัชดา ที่ทนายความของทักษิณเอาเงิน 2,000,000 บาท ไปวางไว้ที่โต๊ะของเจ้าพนักงานศาล และทักษิณถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผูดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี

มีกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้พิจารณาคือ

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรคแรกบัญญัติว่า ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดําเนินกิจการดังต่อไปนี้

(1) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทํากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติุหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอํานาจกํากับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดําเนินคดี

วรรคท้ายบัญญัติว่า ให้นําบทบัญญัติในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยให้ถือว่าการดําเนินกิจการของคู่สมรสดังกล่าว เป็นการดําเนิน กิจการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ

มาตรา 122 เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 100 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

สรุปก็คือ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งหมายถึงนายกรัฐมนตรีด้วยเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่ตนเองมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม โดยห้ามคู่สมรสด้วยและให้ถือว่าการกระทำของคู่สมรสเป็นกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐคนนั้น หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี

กฎหมายฉบับนี้ประกาศและมีผลบังคับใช้ในปี 2542 ก่อนที่ทักษิณเข้ามาเป็นยกรัฐมนตรี ในปี 2544 ไม่ใช่เป็นกฎหมายที่เพิ่งประกาศใช้หลังมีรัฐประหารในปี 2549

ข้อเท็จจริงก็คืิอ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงินซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเป็นหน่วยงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่อยู่ภายใต้การกำกับของ รมต กระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ขณะที่พจมาน ชิณวัตร ซื้อที่ดินจากกองทุนฟื้นฟูฯ พจมานเป็นคู่สมรสของทักษิณซึ่งขณะนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี

ข้อเท็จดังที่กล่าวมาจึงเป็นไปตามกฎหมายบัญญัติไว้ทุกประการ การที่ทักษิณถูกลงโทษจำคุกจึงเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ไม่ได้มีใครมาสั่งให้องค์คณะผู้พิพากษาที่พิจารณาพิพากษานี้ลงโทษทักษิณ และไม่ใช่เป็นกฎหมายของคณะรัฐประหาร หรือเป็นเรื่องผัวยินยอมให้เมียซื้อที่ดินต้องติดคุกดั่งที่พวกคนเสื้อแดงชอบอ้างหลอกประชาชนที่ไม่รู้กฎหมายและข้อเท็จจริงตลอดมา หรืออย่างที่ดอกเตอร์ทางกฎหมายคนหนึ่งอ้างบ่อย ๆ ว่า ทักษิณไม่ได้กระทำผิดแต่เป็นเพราะกฎหมายห้าม

ต้องช่วยกันรักษาประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ก็หมายความว่าต้องมีคนคิดล้มล้างประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ชี่งประชาชนไทยที่รักประเทศชาติและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์คงยอมไม่ได้ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ยังมองไม่เห็นว่า มีใครคนกลุ่มใดที่คิดล้มล้างประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เท่าที่เห็นกันอยู่ในก็มีการรณรงค์ให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันเป็นบทบัญญัติที่ว่าด้วยการดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ มีการกระทำความผิดกฎหมายดังกล่าวกันมากขึ้น บุคคลที่ถูกกล่าวว่ามีกระทำความผิด เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข ก็เป็นคนที่สนิทสนมกับทักษิณ ส.ส. พรรคเพื่อไทยบางคนกล่าวบนเวทีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเสียดสีให้เข้าใจได้ว่าเป็นพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถ ซึ่งได้รับการปรบมือชอบใจจากกลุ่มคนเสื้อแดงกันกึกก้อง วิทยุชุมชนของกลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวเสียดสีดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวและราชวงศ์อยู่ตลอดเวลาแต่ไม่เคยถูกดำเนินคดี ผู้ที่ถูกศาลลงโทษตามมาตรา 112 ได้รับการยกย่องจากกลุ่มคนเสื้อแดงเยี่ยงวีระบุรุษ

ดังนั้นถ้าทักษิณและกลุ่มคนเสื้อแดงช่วยกันรักษาประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างที่ทักษิณพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดง ก็เชื่อมั่นได้ว่าประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขต้องคงอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป ครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น