“ชวนนท์” ชี้โครงการ 3.5 แสนล้านจัดการน้ำส่อเหลว ไม่จริงตามที่โม้ มีช่องโกงมหาศาล วอน ป.ป.ช.รอบคอบออกมาตรการป้องกัน แนะจับตาคนใกล้ชิด รบ.ดักหน้ากว้านซื้อที่คาดว่าถูกเวนคืน เปรียบ พ.ร.บ.ปรองดอง “เหลิม” เป็นละครการเมือง บทสุดท้ายล้างผิดนายใหญ่ รวมคนสั่งฆ่าแดง เย้ยแกนนำคิดยังไง ยัน ปชป.ไม่หนุนแม้ได้ประโยชน์ ตอก รบ.แพงทั้งแผ่นดินยังเฉย ยุ่งแต่ทำเพื่อตัวเอง ทิ้ง ปชช.
วันนี้ (17 พ.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการ 3 แสน 5 หมื่นล้านบาทบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลว่า เป็นการใช้เงินกู้อย่างเร่งรีบ ปราศจากความรอบคอบในการใช้เงินและไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งพรรคมีความกังวลว่านอกจากโครงการจะไม่สามารถเดินหน้าได้อย่างที่รัฐบาลสร้างภาพไว้แล้วจะกลายเป็นโครงการที่มีการทุจริตคอร์รัปชันมหาศาล เกิดอนุสาวรีย์ทุจริตที่อัปยศ เหมือนโฮปเวลล์ทั่วประเทศไทย ไม่อยากเห็นเขื่อนร้างที่รัฐบาลหากินกับความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่ง ป.ป.ช.มีการสรุปมาตรการป้องกันการทุจริตโครงการสามแสนห้าหมื่นล้านที่จะมีการแถลงมาตรการในวันนี้ จึงขอเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ใช้ความรอบคอบในการออกมาตรการป้องกันเพราะโครงการนี้มีช่องโหว่มาก ไม่มีรายละเอียดโครงการ ไม่มีการกำหนดราคากลาง ยกเว้นระเบียบพัสดุ ใช้ประกาศสำนักนายกฯเป็นพิเศษในการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น
ทั้งนี้อยากให้ ป.ป.ช.ให้ความสำคัญในเรื่องที่มีข่าวลือว่าคนใกล้ชิดรัฐบาลกว้านซื้อที่ที่คาดว่าจะเป็นพื้นที่ที่ถูกเวนคืน เช่น พื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำ สร้างเขื่อน ซื้อที่ราคาไม่กี่บาทแล้วรีบสร้างรีสอร์ท พัฒนาเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว หรือสร้างบ้านใช้ไม้มูลค่าแพงๆ เพื่อดักล่วงหน้าว่าเมื่อมีการเวนคืนที่ดินจะอ้างว่าทำมาหากินมาก่อนแล้ว ประเมินว่าถ้ามีการพัฒนาพื้นที่แล้วราคาเวนคืนอาจพุ่งขึ้นเป็นสิบหรือร้อยเท่า ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการโกงกินงบประมาณ เพราะให้บริษัทเป็นผู้เจรจาต่อรองเรื่องเวนคืนที่ดิน หากทำไม่ได้ รัฐบาลจะเป็นผู้เจรจาให้ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการซื้อที่ดินดักหน้ารอการเวนคืน หรือไปซื้อที่ดินโดยรอบเพื่อพัฒนา
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีว่า เป็นบทสรุปละครการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและพวกพยายามทำมาตั้งแต่หลังรัฐประหารปี 2549 มาถึงวันนี้ โดยบทสรุปของละคนดังกล่าวใกล้เข้ามาแล้ว ถือเป็นซอยสุดท้ายที่เป็นเป้าหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องเดินให้สุด เพื่อให้ตัวเองพ้นผิดได้เงิน 4.6 หมื่นล้านบาท จึงขอย้อนคำถามไปยังแกนนำคนเสื้อแดงทั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายแพทย์เหวง โตจิราการ ที่ก่อนหน้านี้เคลื่อนไหวให้เอาคนสั่งฆ่าประชาชนไปลงโทษ พยายามทำตัวเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย จึงต้องถามว่ามีความเห็นอย่างไรกับกฎหมายของ ร.ต.อ.เฉลิมที่จะล้างผิดทุกคนที่เกี่ยวข้อง
“ผมขอถามนายแพทย์เหวง นายณัฐวุฒิ จะยกมือสนับสนุนกฎหมายนี้หรือไม่ และขอให้เลิกตีสองหน้า พร้อมกับท้าให้บุคคลทั้งสองออกมาพูดว่าจะสนับสนุนหรือคัดค้านกฎหมายฉบับนี้ เพราะขัดพฤติกรรมที่พยายามพูดมาโดยตลอด ซึ่งผมยืนยันได้ว่าถ้ามีการพิจารณาในสภา มือของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มือของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ถูกกล่าวหามาโดยตลอดว่าฆ่าประชาชนจะคัดค้านกฎหมายฉบับนี้อย่างเต็มกำลัง แต่ผมอยากรู้ว่ามือของนายณัฐวุฒิ นายแพทย์เหวง นายวรชัย และบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงในสภาคนอื่นจะยกมือไปข้างไหน จะทำในสิ่งที่ขัดกับคำพูดตัวเองหรือไม่ เพราะถ้าทำเช่นนั้นเท่ากับต้มคนเสื้อแดงให้มาตายแทน” นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์กล่าวว่า ขณะนี้ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นมากทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักเพราะต้องเผชิญกับสภาพแพงทั้งแผ่นดิน แต่ไม่มีคนในรัฐบาลให้ความสนใจแม้แต่คนเดียว จึงต้องเตือนสติรัฐบาลว่า เราอยู่ในภาวะโคตรแพงทั้งแผ่นดิน แตงกวากิโลกรัมละ 40 บาท ในขณะที่เดือนเมษายนปีที่แล้วอยู่ที่ 28 บาท ขึ้นมาเกือบสองเท่าจากปีที่แล้ว มะนาวปีที่แล้วลูกละประมาณ 6 บาท ขณะนี้ราคา 9 บาท ถั่วฝักยาวกิโลกรัมละ 70 บาท ปีที่แล้ว 35 บาท ขึ้นมาสองเท่า จึงมีความกังวลว่าประชาชนจะอยู่อย่างไรที่ของแพงมากขนาดนี้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังยกตัวอย่างราคาต้นหอมขีดละ 12 บาท ในขณะที่ปีที่แล้วขีดละ 6 บาท ผักชีเดือนที่แล้ว ขีดละ 8 บาท เดือนนี้ขีดละ 10 บาท ให้รัฐบาลเว้นวรรคเรื่องการเมืองทั้งการแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายล้างผิดมาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน เพราะในเดือนหน้าจะมีการเพิ่มราคาแก๊สหุงต้มด้วย ซึ่งจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน จึงอยากให้ทบทวนด้วย