แกนนำม็อบคนไทยรักชาติแผ่นดิน แถลงยกระดับชุมนุมพรุ่งนี้ ลั่นไม่ออกสนามหลวงตามเส้นตายเขตพระนคร อ้างอยู่จนกว่านักการเมืองจะลาออก โบ้ยรอ “สุขุมพันธุ์” สั่งให้อพยพหรือไม่ โวย น.1 ส่งเด็กมาแอบถ่าย
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่ท้องสนามหลวง เมื่อเวลา 10.00 น. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เแกนนำเครือข่ายกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาเเผ่นดินแถลงยกระดับการเคลื่อนไหวของเครือข่ายภาคประชาชนไทย โดยระบุว่า หลังจากที่ ส.ส เเละ ส.ว.312 คน ปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะมาตรา 68 อีกทั้ง มีประชาชนกลุ่มหนึ่ง เคลื่อนไหวข่มขู่คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบกับล่าสุดนิตยสารเรดพาวเวอร์ฉบับล่าสดได้ตีพิมพ์หน้าปกแสดงออกถึงเจตนารมณ์ที่ต้องการส่งผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นปฏิปักต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร จึงจำเป็นต้องยกระดับการเคลื่อนไหวโดยการจัดชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์ที่ 18 พ.ค.ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป
ส่วนการที่สำนักงานเขตพระนครประกาศให้เครือข่ายฯ ออกจากพื้นที่สนามหลวงภายในวันที่ 18พ.ค.นั้น นายไชยวัฒน์กล่าวว่า ตนยืนยันว่าจะปักหลักชุมนุมต่อไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่านักการเมืองจะลาออก เนื่องจากเป็นสิทธิของการทำหน้าที่ตามมาตรา 70 ที่ระบุว่าประชาชนต้องพิทักษ์ไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และมาตรา 71 คือการป้องกันประเทศและผลประโยชน์ของชาติ ด้วยการตีแผ่อำนาจฝ่ายบริหารที่สร้างหนี้จากการกู้เงินเพื่อสร้างโครงการบริหารจัดการน้ำที่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ประเทศชาติ โดยอำนาจในการตัดสินใจให้ใช้พื้นที่สนามหลวงได้หรือไม่ อยู่ที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่าจะให้เราใช้ต่อหรือไม่ ตนเชื่อว่าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จะมีเมตตาและตนขอขอบคุณล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม การชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ตนจะไม่ขึ้นเวทีปราศรัยเพราะต้องการลดความลำบากใจให้กลุ่มต่างๆ ที่จะมาร่วมชุมนุม ซึ่งขณะนี้มีการเชิญกลุ่มเครือข่ายโทรทัศน์ดาวเทียมที่มีจุดยืนเหมือนกันมาร่วมจัดรายการบนเวที
นอกจากนี้ นายไชยวัฒน์เปิดเผยด้วยว่า มีขบวนการคุกคามสิทธิเสรีภาพการชุมนุมโดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ ทราบว่ามาจากนครบาล 1 ติดตามและถ่ายภาพตนในยามวิกาล ที่มีการแบ่งหน้าที่ทำเป็นชุดๆ ซึ่งจากกรณีดังกล่าวตนจะไม่ไปแจ้งความร้องทุกข์แต่จะใช้วิธีป้องกันตนเองภายใต้ขอบเขตของกฎหมายซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า