พท.รีบออกโรงปกป้องกลุ่มเสื้อแดงที่ไปประท้วง “ชัย ราชวัตร” หน้าไทยรัฐ ไม่มีเอี่ยวปาประะทัดยักษ์ ใส่สำนักงาน ส่วนมือแฮกเว็บไซต์สำนักนายกฯ ตำรวจรู้ตัวแล้ว จี้กล่มการเมืองเลิกจ้างนักรบไซเบอร์เล่นงานฝ่ายตรงข้าม โวยคำตัดสินศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพิกถอนสิทธิ “เก่ง-การุณ” มิชอบด้วยกฎหมาย แต่ พท.ก็ยอมรับ เผย 5 สเปคผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ดอนเมือง เย้ย ปชป.ได้ยินชื่อผวาแน่ ปัดข่าวปรับ ครม.
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงเหตุขว้างประทัดยักษ์เข้าใส่สำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้องเร่งหาตัวผู้กระทำความผิดมาให้ได้ เบื้องต้นทราบว่าเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บชิ้นส่วนประทัดยักษ์ดังกล่าวเพื่อไปตรวจสอบหาชนิดและแหล่งที่มา พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ไปประท้วงหนังสือพิมพ์ไทยรัฐก่อนหน้านี้ น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์จากผู้ไม่ประสงค์ดี แม้พรรคเพื่อไทยและกลุ่มผู้สนับสนุนจะไม่พอใจในท่าทีและพฤติกรรมของ “ชัย ราชวัตร” แต่เราก็เคารพและเชื่อมั่นในการเป็นสถาบันสื่อมวลชนที่เก่าแก่ของประเทศของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และจะเร่งรัดเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ อีกทั้งขอประณามพฤติกรรมความรุนแรงในครั้งนี้
นายอนุสรณ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าเหตุแฮกเว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องสงสัยได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แล้ว ว่า เรื่องนี้ทางตำรวจมีข้อมูลในเชิงลึกแต่เพื่อป้องกันผลกระทบกับรูปคดีคงยังเปิดเผยหมดไม่ได้ ส่วนจะมีการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ให้ตำรวจเป็นฝ่ายเปิดเผยจะดีกว่า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาทุกคนจะร่วมด้วยช่วยกันถือเป็นภัยของประเทศ อันจะส่งผลกระทบถึงความเชื่อมั่น แต่น่าเสียดายที่แม้แต่นักการเมืองต่างพรรคในบ้านเรา พอเกิดเหตุก็ออกมาเยาะเย้ยถากถาง ทั้งที่ควรจะช่วยกันหาทางป้องกันและขอเตือนไปยังกลุ่มการเมืองตรงข้ามให้เลิกใช้เงินจ้างนักรบไซเบอร์ แล้วหันมาจ้างนักวิจัยเพื่อการออกแบบและพัฒนาประเทศจะดีกว่า
นายอนุสรณ์ยังแถลงถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 12 พรรคเพื่อไทยว่า แม้คำตัดสินมิชอบด้วยข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง พรรคจำต้องปฏิบัติตามคำตัดสิน และหวังว่าคำพิพากษานี้จะเป็นบรรทัดฐานที่ใช้ในกรณีใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะกรณีที่พรรคเพื่อไทยยื่นคำร้อง สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา ใส่ร้าย และจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ในฐานะอดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย ถ้ายึดถือตามแนวการตัดสินนี้ พี่น้องชาวกรุงเทพฯ คงจะได้เลือกผู้ว่าฯ กทม.กันใหม่ในไม่ช้า
นายอนุสรณ์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 14 พ.ค. เวลา 13.30 น. เพื่อพิจารณาส่งตัวผู้สมัครลงรับเลือกตั้งซ่อม เพราะจะมีการเลือกตั้ง ในวันที่ 16 มิ.ย.นี้แล้ว โดยจะประสานคณะกรรมการโซน กทม.ฝั่งตะวันออกที่มี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในฐานะประธานโซนเสนอตัวบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสม ให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณา
ทั้งนี้ เบื้องต้นคณะกรรมการบริหารพรรคได้กำหนด 5 คุณลักษณะตัวแทนพรรคเพื่อไทยลงชิงชัย คือ 1.ส่งคนชนะลง 2. ชนะอย่างทรงคุณค่า ลงแล้วยากปฏิเสธ 3.มีความรู้ ความสามารถ 4.เข้าใจงานพื้นที่ ประสาน ส.ก., ส.ข.ได้ดี 5. ทำงานระดับชาติ ในสภาได้ทันที ส่วนนายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตผู้สมัคร พรรคประชาธิปัตย์ ที่บอกว่ากลัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. นั้นอย่าเพิ่งรีบกลัว เพราะเมื่อเปิดชื่อออกมาในวันที่ 14 พ.ค. เชื่อว่าคนนั้นจะน่ากลัวที่สุดในสนามการเลือกตั้งสำหรับนายแทนคุณและพรรคประชาธิปัตย์
นายอนุสรณ์กล่าวว่า จากกรณีนี้หวังว่าพรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะไม่ด่วนสรุปว่าพรรคเพื่อไทย ไม่น้อมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย เคารพ น้อมรับทุกคำตัดสินที่มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัย แต่วันนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางท่านกำลังทำให้ประชาชนสับสนว่าท่านเป็นองค์กรตีความบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเพื่อลดข้อขัดแย้ง หรือทำตัวเป็นรัฐธรรมนูญสร้างความขัดแย้งขึ้นเสียเอง เพราะไม่มีอำนาจที่จะรับคำร้องกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาไว้พิจารณา เช่นเดียวกันรู้สึกสงสัยในจุดยืนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นสมาชิกรัฐสภา ทำงานนิติบัญญัติ แต่ออกมาเรียกแขกมาช่วยฝ่ายตุลาการหน้าตาเฉย ถือเป็นการ ทรยศในความเป็นสมาชิกรัฐสภาหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นแนวร่วมกลุ่ม นปช.ให้การสนับสนุนนายจตุพรเข้ารับการพิจารณาเป็นผู้สมัครซ่อม ส.ส.ดอนเมืองหรือไม่ นายอนุสรณ์กล่าวว่า การคัดเลือกผู้สมัคร เป็นอำนาจของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งให้โอกาสเจ้าของพื้นที่ร่วมพิจารณา สำหรับพี่น้องคนเสื้อแดงจะมีความเห็นว่าใครมีความเหมาะสม ขอให้นำเสนอต่อประธานโซน เพื่อเสนอที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคพิจารณาต่อไป
ส่วนกระแสข่าวการปรับ ครม.แล้วเตรียมยุบสภานั้น นายอนุสรณ์ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการปล่อยข่าวที่หวังผลทางการเมืองเท่านั้น หากมีคนปล่อยข่าวไม่น่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งการปรับ ครม.เป็นอำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่เพียงผู้เดียว นายกรัฐมนตรีไม่เคยส่งสัญญาณปรับ ครม.และคณะรัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้ดี