โฆษก กอ.รมน.เผย ผบ.ทบ.เน้นย้ำ รปภ.เต็มพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่อ่อนแอ ทำความเข้าใจ 136 หมู่บ้านให้เสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ ให้ ศอ.บต.รายงานความก้าวหน้าทุกเดือน พร้อมใช้สื่อขอความร่วมมือจากประชาชน
วันนี้ (9 พ.ค.) พล.ท.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรอง ผอ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) โดยได้ประชุมสั่งการและมอบนโยบายให้แก่หน่วยความมั่นคงในพื้นที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์เน้นย้ำเรื่องการวางแผนรักษาความปลอดภัยว่าต้องจัดเตรียมรักษาความปลอดภัยให้เต็มทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเขตเมืองต้องให้ความสำคัญกับเป้าหมายที่อ่อนแอ
โดยเน้นมาตรการการป้องกันเหตุร้ายมากกว่าการแก้ไขที่ปลายเหตุ และให้มีการป้องกันสถานที่ราชการโดยให้ขึ้นบัญชีเพื่อกำหนดตัวบุคคลที่รับผิดชอบแต่ละส่วนให้ชัดเจน จัดกำลังพลแต่ละหน่วยเข้าพบปะสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในทุกหมู่บ้านจำนวน 136 หมู่บ้านให้แล้วเสร็จครบถ้วนภายในพฤษภาคมนี้ พร้อมสร้างความเข้มแข็งให้กำลังประชาชน กำลังประจำถิ่น เพื่อดูแลพื้นที่ของตนเองแทนการใช้กำลังทหารซึ่งในที่สุดต้องกลับไปปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ รวมถึงขอความร่วมมือจากประเทศมาเลเซียให้ช่วยระวังป้องกันชายแดน ส่วนการใช้กฎหมายฟอกเงินขอสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต้องใช้อย่างระมัดระวังอย่าให้มีเงื่อนไข
พล.ท.ดิฏฐพรกล่าวว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่แบ่งออกเป็น 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เสริมสร้างความมั่นคง พื้นที่เร่งรัดการพัฒนา และพื้นที่เสริมสร้างการพัฒนา จะต้องมีระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ถนน ประปา ไฟฟ้า ที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกันทุกพื้นที่ และให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นลำดับแรกก่อนจะพัฒนาด้านอื่นๆ ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะต้องรายงานสรุปความก้าวหน้าเรื่องแผนการพัฒนาทุกเดือน ให้กำหนดแนวทางการจ้างงานวัยรุ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ก่อความไม่สงบ เน้นการพัฒนาอาชีพให้ประชาชนในหมู่บ้าน เช่น จัดให้มีธนาคารอาหาร, ห้องเย็น ฯลฯ
นอกจากนี้ การใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนเพิ่มมากขึ้นว่าเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการภายใต้กระบวนการทางกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ขอความร่วมมือทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ศอ.บต.และฝ่ายปกครองช่วยกันสร้างการรับรู้แก่ประชาชน รวมทั้งสร้างความเข้าใจให้แก่องค์กรระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม กอ.รมน.ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ หากเจ้าหน้าที่รัฐให้คำแนะนำใดๆ ก็ขอให้ปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยของท่าน และเพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้เกิดผลสัมฤทธิ์หากพบเห็นการกระทำหรือสิ่งผิดปกติแจ้งได้ที่สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. โทรศัพท์ 1341