รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้เขมรซ้อมรบพื้นที่ของเขา อย่ามองแง่ไม่ดี ปรามอย่าเพิ่งเดาศาลตัดสินคดีพระวิหารแง่ลบ บอก “เหลิม” ถ้าว่างจะขึ้นเขาไปด้วย ด้านผู้บัญชาการทหารบก ถามสื่อทำไมต้องให้เครดิตเขา ขอมั่นใจในทหารไทย ลั่นถ้ารบไม่ต้องกลัวใครแต่ถึงเวลาหรือยัง โยนไปสู้กันในศาล ย้ำรบไม่ใช่ง่าย ปัดมีท่าทีอ่อน
วันนี้ (3 เม.ย.) ที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์บริเวณปราสาทเขาพระวิหารที่มีการเคลื่อนไหวของทางฝั่งทหารกัมพูชา ว่า บริเวณเขาพระวิหารที่มีการปฏิบัติการของทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องมีการพูดคุยกันทั้งคู่ ถ้ามีการถอนทหารก็ต้องถอนทั้ง 2 ฝ่าย ทหารก็เข้าใจกัน ส่วนคดีก็ว่ากันไป การปรับกำลังก็ว่ากันไป ส่วนกรณีที่ทางทหารกัมพูชามีการซ้อมรบนั้น เขาก็ฝึกในพื้นที่ของเขา อย่าไปหาเรื่อง เขาฝึกของเขาเราก็ฝึกของเรา อย่าไปมองในแง่ไม่ดี ก็ฝึกไปไม่ว่ากัน
เมื่อถามว่า หากศาลโลกตัดสินเป็นแง่ลบจะทำอย่างไร พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปเดา ถ้าเดาก็พูดกันไปเรื่อย ขอให้เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน อีกนานกว่าจะตัดสินคดี เมื่อถามว่า ทาง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จะชวนลงพื้นที่เขาพระวิหาร พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ทาง ร.ต.อ.เฉลิมชวนตนเมื่อวาน หากตนว่างก็จะลงไปกับท่าน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เป็นการซ้อมรบที่เขาทำอยู่แล้ว ทางไทยก็มีการซ้อมเช่นกัน แต่ละประเทศมีการฝึกเป็นประจำ เป็นเรื่องของแต่ละประเทศ ตนอยากถามว่า ทำไมต้องไปให้เครดิตเขาด้วย ขอให้เชื่อตน ขอให้มั่นใจในทหารของประเทศไทย แต่สื่อไปให้เครดิตคนอื่นแล้วมาจับผิดเราเอง ตนบอกแล้วว่าถ้ารบไม่ต้องกลัวใครอยู่แล้ว แต่ถามว่าขณะนี้ถึงเวลาหรือยัง บ้าสงครามกันหรือยังไง ถามว่า รบแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ใช่ว่า เราไม่รบเพราะเรากลัว ขณะนี้ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ก็จบ และไปสู้กันในศาล
“การรบกันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีทั้งสากล ยูเอ็น เข้ามาเกี่ยวข้องรวมถึงปัจจัยเศรษฐกิจและสังคม และขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งภูมิภาคนี้ต้องไปต่อสู้กันในด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ วันนี้ทำอย่างไรจะได้เปรียบทางการค้า คนเข้ามาลงทุนและท่องเที่ยวเพราะนั้นเป็นรายได้หลักของประเทศไม่ใช่สงคราม ทั้งนี้สงครามมีไว้เพื่อป้องกันประเทศไม่ให้เราเสียเปรียบรวมถึงพิทักษ์ทรัพยากร ทั้งนี้ผมไม่กังวลที่มีบางคนมองว่า การแสดงความคิดเห็นของผมต่อสถานการณ์นั้นมีท่าทีอ่อนไป เพราะสิ่งที่พูด คือ ความคิดเห็นของตัวเองไม่เกี่ยวกับใครและเป็นการทำหน้าที่ตามแผนการป้องกันประเทศ ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา คนสั่งการคนแรกในการใช้กำลังคือ ผบ.ทบ. โดยมีการมอบหมายอำนาจหน้าที่ให้แม่ทัพภาคที่ 2 ในบางกรณีที่ล้ำเส้นเขตแดนชัดเจน อย่างไรก็ตาม เราต้องมีการพูดคุยทำความเข้าใจก่อนใช้กำลัง ทุกวันนี้เป็นการรบเพื่อเจรจาทั้งนั้น แล้วมาจบด้วยการพูดคุยและต้องไม่ให้เราเสียเปรียบหรือทำเกินกว่าเหตุจนขยายความรุนแรงมากขึ้นจนพูดจากันไม่รู้เรื่อง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว