นายกฯ ขออย่าด่วนสรุปเหตุแฮกด่าโยงปาฐกถา คาดอยากลองของ ไม่ติดใจวิจารณ์ได้ ย้ำจ้อมองโกเลียเป็นอุทาหรณ์ อ้างมีทั้งหนุนและไม่หนุน ขอสื่ออย่าเหมารวม รับไม่พูดเรื่องนี้ทุกเวที เล็งจ้อเศรษฐกิจที่ญี่ปุ่น ปัดยุ่งถกในประเทศ-รับคุยแบงก์ชาติแก้ปมค่าเงินบาทแข็ง โยนขุนคลังประสานค่อยแจงข้อมูล ชี้ทำงานไร้ปัญหา ยัน ธปท.มีอิสระ ยึดเสถียรภาพค่าเงินเป็นหลัก แย้มมีมาตรการออกมาแล้ว วอนอย่ายุปลด “ประสาร”
วันนี้ (9 พ.ค.) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงปฏิกิริยาจากการปาฐกถาพิเศษที่ประเทศมองโกเลีย รวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่มีการแฮกเข้ามาในเว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรีว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเกิดจากปฏิกิริยาของการไปให้ถ้อยคำที่ประเทศมองโกเลีย อาจจะเป็นทีมงานแฮกเกอร์อยากจะทดลองความปลอดภัยในระบบคอมพิวเตอร์ คงค่อยว่าไปตามขั้นตอนโดยส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไร ต้องให้เจ้าหน้าที่ว่าไปตามขั้นตอนก่อน
เมื่อถามว่า ในวันข้างหน้า นายกฯ ต้องเดินทางไปอีกหลายประเทศ และในเร็วๆ นี้จะต้องเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่น นานาประเทศจะมองนายกฯ อย่างไร ที่ถูกคนในประเทศวิจารณ์ในทางลบ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ทุกคนสามารถวิจารณ์กันได้ และมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ตนไม่ได้หมายความว่าทุกเวทีเราจะไปพูดแต่เรื่องเดิม และขอเรียนว่าเวทีที่ประเทศมองโกเลียเป็นเวทีเรื่องประชาธิปไตยที่ยืนยันว่าพูดเพื่อเป็นอุทาหรณ์ และวันนี้กลับมาเราก็พูดเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ก็เหมือนเดิม ขอความกรุณาอย่าคิดว่าตนจะไปพูดอย่างนี้ทุกเวที ซึ่งก็ต้องอยู่ที่ความเหมาะสมกับจังหวะ อันนั้นเพื่อการแลกเปลี่ยนในเชิงเวทีประชาธิปไตย สำหรับการไปเยือนประเทศญี่ปุ่น จะพูดในเชิงภาพรวมเศรษฐกิจ เรื่องอะไรต่างๆ ไม่มีเรื่องประชาธิปไตยแล้ว ขอให้สบายใจได้
ต่อข้อถามว่า นายกฯ ย้ำตลอดว่าเป็นการพูดเพื่ออุทาหรณ์ แต่คนส่วนหนึ่งมองว่าการพูดแม้จะพูดเพื่ออุทาหรณ์ แต่สวนความรู้สึกคนในประเทศบางส่วนที่ยังมีความขัดแย้งกันซึ่งส่งผลกระทบกับประเทศ นายกฯ กล่าวว่า อย่ามองอย่างนั้นทุกคน ซึ่งต้องขอความเป็นธรรมกับสื่อในการให้ข้อมูลทั้งสองด้านด้วย จริงๆ ด้านที่มีความเข้าใจก็มี ด้านที่ไม่เห็นด้วยก็มี เราไม่ได้บอกว่าการที่เราพูดนั้นทุกคนจะต้องเห็นด้วยทุกคำ ไม่มีหรอกเพราะคนทั้ง 60 กว่าล้านคน ก็ต้องมีความคิดของแต่ละท่านสิ่งที่เราพูดนี้ ขอความกรุณาให้ดูเจตนาที่อยากให้ประเทศเดินหน้า เราไม่ได้บอกว่าจะต้องกลับมาถกเถียงกัน การพูดนี้พูดบนเวทีประชาธิปไตย แต่การถกในเมืองไทยเป็นการถกถ้อยแถลงเชิงการเมือง ต้องขออนุญาต ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวและไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ตรงนี้
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวถึงถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัวว่า ในส่วนนี้ตนได้ทำงานอย่างใกล้ชิดจากที่ท่านเป็นห่วงเราก็ห่วง จริงๆ แล้วเรามีการพูดคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตลอด และช่วงนี้เป็นการที่ต่างคนต่างทำงานในส่วนของรัฐก็ไป บูรณาการในส่วนของกระทรวงเศรษฐกิจทุกกระทรวงว่ามีผลกระทบอะไรและมีมาตรการอะไร สุดท้ายนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง จะหารือกับทุกส่วนงานรวมถึง ธปท.ด้วย ว่าในส่วนของนโยบายการเงินการคลังจะทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจร่วมกันอย่างไร ยืนยันว่า เราจะต้องทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ แม้เรื่องการทำงาน ความเป็นอิสระของ ธปท.ยังคงมีอยู่ แต่เชื่อว่าเป้าหมายทุกคนอยากจะเห็นความมีเสถียรภาพของค่าเงินบาทที่ไม่ควรจะต่างจากภูมิภาค รวมถึงการเข้าไปช่วยเหลือภาคส่งออก และเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบ วันนี้ทุกกระทรวงเร่งหารือ คงจะมีข้อมูล ผ่านนายกิติรัตน์ กลับมาอย่างเป็นทางการ
เมื่อถามว่านายกิตติรัตน์ได้รายงานการพุดคุยกับผู้ว่าฯ ธปท.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า นายกิตติรัตน์ได้รายงานมาเป็นระยะแต่ยังไม่มีรายละเอียด ซึ่งทั้งหมดนายกิตติรัตน์จะไปหารือกับกระทรวงการคลัง สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้ว่าฯ ธปท. ในภาพรวมการแก้ปัญหาเศรษฐกิจร่วมกัน โดยต่างคนต่างเสนอแผนเข้ามาและดูในภาพรวมว่าจะร่วมกันแก้ไขอย่างไรรวมถึงการรับฟังปัญหาข้อเท็จจริงจากภาคเอกชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบด้วย
เมื่อถามต่อว่ามาตรการที่ยังไม่มีความชัดเจน สถานการณ์เวลานี้ยังสามารถรอได้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ข้อเท็จจริงในส่วนของกระทรงการคลังมีมาตรการออกมาแล้ว ทั้งการแก้ไขปัญหาเอสเอ็มอีที่ทำมาอย่างต่อเนื่องและเชื่อว่าทาง ธปท.และ กนง.ก็ดูอยู่ ซึ่งคงต้องติดตามเป็นระยะ เรียกว่าจะมีมาตรการในแต่ละขั้นต่อไป
เมื่อถามว่าความขัดแย้งระหว่างผู้ว่าฯ ธปท. และ รมว.คลัง ล่าสุดได้เข้าไปแก้ไขปัญหาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า นายกิตติรัตน์และผู้ว่าฯ ธปท.ได้กินข้าวด้วยกันอยู่แล้ว แต่การที่มีความเห็นไม่ตรงกันในข้อเสนอและวิธีการแก้คงต้องพูดคุยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำงานด้วยกันไม่ได้
เมื่อถามต่อว่ายืนยันไม่ได้กดดันผู้ว่าฯ ธปท.ในการทำงานช่วงนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้กดดัน สิ่งที่กดดันคือการที่เราต้องร่วมกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่อยากให้แก้เร็วมากกว่า ต่อข้อถามว่า มีข่าวรัฐบาลอยากปลดผู้ว่าฯ ธปท. จริงหรือไม่ นายกฯ ได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์ แล้วหันกลับมากล่าวว่า “โอ๊ย อย่ายุกันเลย”