xs
xsm
sm
md
lg

สสว.แจงแผน SME ปี 57 นักวิชาการแนะย้ายฐานการผลิตหนีค่าแรง 300 บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเผยแผนส่งเสริมเอสเอ็มอีปี 2557 ของ สสว. มุ่ง 3 ประเด็นหลัก คือ เพิ่มขีดความสามารถ การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และการรับมือวิกฤตการณ์ต่างๆ เน้นกลุ่มเป้าหมายบริการและท่องเที่ยว แผนรับมือค่าแรง 300 บาทมุ่งพัฒนาเทคโนโลยี และผลิตภาพแรงงาน ด้านนักวิชาการชี้ค่าแรง 300 บาทส่งผลขีดความสามารถด้านการแข่งขันเอสเอ็มอีลดลง ทางออกคือ เอสเอ็มอีต้องย้ายฐานการผลิตหลังเปิดAEC

นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำหรับแนวทางการส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในปี 2556-2557 นั้น เนื่องจากรัฐบาลโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และโอทอปค่อนข้างมาก ดังนั้น เพื่อให้แผนการส่งเสริมกลุ่มโอทอป และเอสเอ็มอีดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่อง ทางกระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม ในฐานะกำกับดูแลกลุ่มงานแผนยุทธศาสตร์และนโยบาย จึงได้กำหนดทิศทางการช่วยเหลือ และผลักดันเอสเอ็มอี โดยมุ่งให้ความสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 2. การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และ 3. การรับมือวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ SMEs

ด้านนายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กล่าวต่อว่า การเพิ่มขีดความสามารถถือว่าประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ปีนี้จึงยังคงใช้แผนเดิม โดยสนับสนุนให้เอสเอ็มอีใช้เทคโนโลยี ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์คิดค้นนวัตกรรมในสินค้าและบริการ ส่งเสริมด้านการตลาด พัฒนาปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ ฯลฯ โดยมุ่งเน้นสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อาหาร ท่องเที่ยว สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม อัญมณี เครื่องประดับ ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสุขภาพ ค้าปลีกและค้าส่ง และสาขาอื่นๆ ที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล

ส่วนแผนการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะใช้แนวทางการส่งเสริมให้ความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อประเมินผลและแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ การเข้าถึงอย่างสะดวกและง่ายต่อการเข้าใจ โดยมุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายไปที่กลุ่มภาคบริการ โดยเฉพาะท่องเที่ยว ส่วนแนวทางการรับมือวิกฤตต่างๆ นั้น คือ การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรู้จักบริหารจัดการความเสี่ยง และการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นต้น

สำหรับในส่วนของงบประมาณการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในปี 2556 นั้น จากเดิมทาง สสว.ได้ของบประมาณไปจำนวน 2,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลได้อนุมัติงบให้จำนวน 887.5 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณจำนวนนี้ถือว่าได้รับน้อยลงกว่าเดิม แต่การทำงานมุ่งเน้นความเข้มข้นและมีความเป็นรูปธรรมมากกว่าเดิม โดยจะมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐอื่นๆ มากขึ้น จากเดิมหน่วยงานส่งเสริมเอสเอ็มอีจะมีเพียงกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ สสว. แต่การทำงานต่อจากนี้ไปจะดึงหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เป็นต้น

ในส่วนของผลกระทบจากค่าแรง 300 บาทซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และโอทอปนั้น ส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งเน้นการช่วยเหลือหลักใน 2 เรื่อง คือ การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต และการเพิ่มผลิตภาพการผลิต เป็นการช่วยเอสเอ็มอีในการพัฒนาด้านแรงงานการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังเป็นการช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า และสุดท้ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถที่จะขายสินค้าในราคาที่เพิ่มมากขึ้นได้

ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.กิตติ ลิ่มสกุล คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของค่าแรง 300 บาทจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการแข่งขันลดลง เนื่องจากต้นทุน จากค่าแรงที่เพิ่มขึ้น และปัญหาเอสเอ็มอีที่ผ่านมา คือ ขาดแรงงานที่มีฝีมือ และขาดนวัตกรรมมาใช้ในการผลิต ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้เพราะต้นทุนที่สูงขึ้น แต่การเข้าสู่ AEC จะช่วยตรงนี้ เพราะทำให้เอสเอ็มอีสามารถย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ค่าแรงต่ำได้ และยังช่วยให้เอสเอ็มอีขยายกลุ่มลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องการสินค้าที่มีนวัตกรรมการผลิตไม่ซ้ำซ้อน สินค้าราคาไม่แพงได้
กำลังโหลดความคิดเห็น