ผบ.ทบ.รับห่วงกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมไล่ตุลาการศาล รธน. ให้รัฐบาลตัดสินใจแก้ไข กรณี “ยิ่งลักษณ์” สปีชฉาวชี้ต้องหยุดขยายความขัดแย้ง ว่าไปตามผิดถูก ยันไม่เดือดร้อนเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ปี 53 ไม่ได้ปราบเสื้อแดง แต่บังคับใช้กฎหมาย โอดนายกฯ ต้องให้กำลังใจตน โต้สื่อยันจุดยืนไม่เปลี่ยน อย่าทำลายกองทัพ ไม่หวั่นข่าวถูกเด้งพ้น ผบ.ทบ. วอนอย่าโยง ยันให้เกียรติ รมว.กห.
วันนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลา 17.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 8 พ.ค.นี้ว่า เมื่อเราเป็นข้าราชการก็เป็นห่วงประเทศชาติบ้านเมือง แต่เรามีคนรับผิดชอบโดยตรง และมีกฎหมายอยู่แล้ว ในขั้นต้นตนส่งกำลังใจขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันรักษาระเบียบ แก้ปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่กระทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือมีผลกระทบต่อประเทศชาติในวงกว้วง ขอให้แสดงความคิดเห็นอยู่ในกรอบ หากใครไม่อยู่ในกรอบสังคมก็ดูอยู่แล้ว อย่าขยายความขัดแย้งออกไปมากกว่านี้ ส่วนทหารจะทำหน้าที่ของทหารให้ดีที่สุด เรื่องอะไรที่ยังไม่ใช่หน้าที่ของทหาร ขออย่าเอาเราเข้าไปเกี่ยวข้องมากนัก เข้าใจว่าสื่อเป็นห่วง ซึ่งตนก็เป็นห่วง แต่การเป็นห่วงสถานการณ์แล้วเอาตนไปเล่นงานนั้นไม่ถูก การเอากองทัพบกไปว่า ถือว่าไม่เป็นธรรมกับกองทัพ ซึ่งหน้าที่ของกองทัพก็ยังไม่ได้บกพร่องอะไร วันนี้ต้องมีกฎหมาย ถ้าจะทำอย่างอื่น ท่านต้องไปบอกว่าวันนี้ไม่มีกฎหมายแล้วจึงจะทำอะไรก็ได้ ถ้าอย่างนั้นคงเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนแล้ว ตนรับไม่ได้ ส่วนจะต้องใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงควบคุมการชุมนุมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ตนไม่มีอำนาจ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการขยายความขัดแย้งจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาที่ประเทศมองโกเลีย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องหยุดขยายความขัดแย้ง และไปดูว่าใครผิดหรือถูก ส่วนที่กองทัพบกถูกพูดถึงเกี่ยวการกระชับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 53 นั้น เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ใครจะพูดอะไรก็พูดไป ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และวันนี้ยังไม่มีใครผิดหรือใครถูก เป็นเรื่องของการไต่สวน ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเลย รู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ตนจึงไม่เดือดร้อนว่าใครจะว่าอะไร ส่วนที่นายกรัฐมนตรีพูดพาดพิงถึงกองทัพนั้น ก็เป็นเรื่องของท่าน เพราะท่านเป็นผู้นำประเทศจะไปพูดอะไรที่ไหนก็พูดได้ เป็นเรื่องที่พวกเราก็แสดงความคิดเห็นกันไป ต้องเข้าใจว่าทหารต้องอยู่ในจุดที่ต้องอยู่ และเราเป็นข้าราชการประจำ อย่าบอกว่าไม่พูดเพราะอย่างนั้นอย่างนี้ หรือเพราะกลัว ถ้าอย่างนี้จะทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย ซึ่งเมื่อปี 53 เราไม่ได้ไปปราบเสื้อแดง เพราะเราไม่ได้ใช้กำลังเข้าไปยิง แต่เป็นการบังคับใช้กฎหมาย เดี๋ยวจะบอกอีกว่าตนพูดให้ดูดีแต่สุดท้ายก็ตาย แต่ถามว่ามีทหารตายด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องไปหากันว่าใครผิดหรือถูก อย่ามาดิสเครดิตกันวันนี้
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีถูกโจมตีในช่วงนี้ ทางกองทัพจำเป็นต้องให้กำลังใจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นายกฯ ต้องให้กำลังใจตนมากกว่า เพราะเป็นรัฐบาลอยู่เหนือตนทุกอย่าง ตนเป็นเพียงหน่วยหนึ่งที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา ทุกคนน่าจะต้องให้กำลังใจทหารมากกว่า ตนไม่บังอาจไปให้กำลังใจใครได้
“บางคอลัมน์เขียนว่า ผบ.ทบ.เปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่เห็นว่า ผมเปลี่ยนตรงไหน ผมเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ผมก็เป็นผม แต่จากการที่ผมเป็นผู้นำองค์กรที่ใหญ่พอสมควร ผมต้องยืนหยัดในจุดที่ถูกต้อง รักษากำลังพลให้อยู่ในกรอบวินัย การแสดงความคิดเห็นต่างๆ ถ้าผมเป็นนายนั่นนายนี่ผมพูดได้ แต่เมื่อเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ผมพูดอะไรไม่ได้มากนักเพราะเป็นข้าราชการประจำ ต้องเข้าใจ ไม่ใช่บอกว่า ผมเปลี่ยนแปลงไปเพราะผมกลัว รักษาตำแหน่ง ไม่จำเป็น เรื่องตำแหน่งจะเอาเมื่อไรก็เอาไป ผมไม่ได้อยากได้อยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องรักษาตำแหน่งนี้ไว้ใมนการปกครองบังคับบัญชาทหารทำหน้าที่ต่างๆ แล้วจะมาทำลายกองทัพ ทำลายผมทำไม แล้วอีกหน่อยจะมีใครไปดูแล ไม่ใช่ว่า ผมจะอยู่จนไม่มีวันสิ้นสุด เดี๋ยวผมก็เกษียณ เดี๋ยวก็ปรับย้ายอะไรกันไป” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า ท่านหวั่นต่อกระแสข่าวว่า จะย้ายไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า แล้วตำแหน่ง ผบ.สส.เป็นอย่างไร มันเลวร้ายมากหรือ ทุกตำแหน่งมีเกียรติ ปัญหาขึ้นอยู่กับว่าเป็นแล้วสบายใจหรือเป็นแล้วได้ทำหน้าที่ของตัวเองหรือไม่ แต่ตนถอยหลังไม่ได้แล้ว เพราะตนมาเป็นแล้ว คงจับตนถอยหลังไปไม่ได้ ส่วนจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่นั้นไม่รู้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ตน ต้องไปถามคณะกรรมการปรับย้าย และ รมว.กลาโหมที่มีอำนาจในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งตนได้ ต้องเคารพในระบอบกติกา ซึ่ง รมว.กลาโหมและตนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่าเอาเรื่องนี้ไปเกี่ยวกับเรื่องโน้น ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ตีกันทุกเรื่องเช้ายันเย็น
