xs
xsm
sm
md
lg

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรวันเวลาที่ผ่านเลย ความโง่ไม่เปลี่ยนแปลง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อปลายเดือนมกราคมปีที่แล้ว นายกรัฐมนตรีนกแก้ว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปร่วมประชุม World Economic Forum ครั้งที่ 42 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้เข้าร่วมการอภิปรายในหัวข้อ “ Women as the Way Forward” โดยพูดสด ใม่มีโพย ภาษาอังกฤษ ระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเมืองไก่ทอดของเธอทำให้ผู้ร่วมอภิปรายบนเวทีและผู้ฟังนั่งอึ้งเงียบ เพราะฟังไม่รู้เรื่อง ตอบคำถามไม่ตรงประเด็น

มีแต่ผู้ดำเนินรายการชายเท่านั้นที่ทึ่งในการใช้ภาษาของเธอจนอดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชยว่า “ Madam Prime Minister I have to also say that you speak better English than I do” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะครืนใหญ่ และเสียงปรบมือของผู้ฟัง

ความไม่สันทัดในภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับเธอในเวทีนี้ และเวทีอื่นๆ คือความไม่รู้ไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูด เพราะมีคนเขียนให้พูด เมื่อไม่รู้ก็ไม่สามารตอบคำถามอย่างตรงประเด็นได้ อย่าว่าแต่ภาษาอังกฤษเลย แม้แต่คำถามภาษาไทยจากสื่อมวลชนในเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และเป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี เธอก็ตอบไม่ได้ หากหนีไม่ออก จำเป็นต้องตอบคำถามก็จะท่องคำซ้ำๆ วนไปวนมาอย่างบูรณาการ, มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน,ได้สั่งการไปแล้ว, อาเสี้ยน อาเสี้ยน ฯลฯ

คาถาล่าสุดสำหรับสะกดสื่อมวลชน เมื่อถูกจี้เรื่องสุนทรพจน์ด่าประเทศไทยว่าไม่เป็นประชาธิปไตยที่มองโกเลียคือ อุทาหรณ์ มันคือ อุทาหรณ์ ฯลฯ

เวทีการประชุมระดับรัฐมนตรี ประชาคมประชาธิปไตย หรือ Community of Democracies ครั้งที่ 7 ที่กรุงอูลันบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา แม้จะเป็นเวทีระดับโลกที่มีตัวแทนประเทศต่างๆ เข้าร่วมประชุม แต่ก็เป็นเวทีระดับรองที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก

ดูเหมือนนายกฯ นกแก้วของไทยเราจะเป็นผู้นำประเทศคนเดียวที่เข้าร่วมประชุม คนอื่นๆ เป็นระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ เพราะเป็นการประชุมในระดับรัฐมนตรี สหรัฐอเมริกามีนายริชาร์ด เบิร์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ ฝ่ายกิจการเอเชีย แปซิฟิกมาร่วมประชุม อองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านพม่าไปร่วมด้วยเพื่อรับรางวัล Geremek Award ซึ่งเป็นรางวัลเชิดชูเกียรติผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

Community of Democracies ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2000 จากการริเริ่มของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ในขณะนั้นคือนาย Bronislaw Geremek กับนางเมดเดลิน อัลไบรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ในยุคประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน เพื่อส่งเสริมอุดมการณ์ประชาธิปไตย

ปี 2000 เป็นปีที่สหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว 10 ปี สงครามเย็นกลายเป็นอดีต ประเทศบริวารในยุโรปตะวันออก คาบสมุทรบอลข่าน และเอเชียกลางแยกตัวเป็นอิสระเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่านจากการเมืองแบบเผด็จการคอมมิวนิสต์เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยในรูปแบบของตะวันตก ประชาคม ประชาธิปไตย หรือ Community of Democracies จึงเกิดขึ้นมาเพื่อรองรับและส่งเสริมประเทศประชาธิปไตยที่เกิดใหม่ ให้อยู่ในแนวทางของประชาธิปไตย แบบทุนนิยม โดยเน้นไปที่การประชุม ออกแถลงการณ์ แลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น เป็นกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์เป็นหลัก

ทุกๆ 2 ปี จะมีการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีของชาติสมาชิกซึ่งมีอยู่ ประมาณ 100 ประเทศ โดยประเทศที่เป็นเจ้าภาพคือประเทศที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานสภาการบริหาร (Governing Council) ซึ่งมีการหมุนเวียนกันเป็นทุกๆ 2 ปี มองโกเลีย เป็นประธานตั้งแต่ปี 2554-2556 จึงต้องเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 7 เจ้าภาพครั้งต่อไปคือ เอลซัลวาดอร์

จะเห็นได้ว่าการประชุม Community of Democracies ที่มองโกเลียครั้งนี้ ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนระดับโลกเลยแม้แต่รายเดียว มีแต่สื่อมวลชนไทยเท่านั้นที่ถูกป้อนข้อมูลจากทีมงานสร้างภาพให้ นายกฯ นกแก้ว เพื่อสร้างภาพนายกฯ อินเตอร์ขึ้นเวทีโลก แต่ความจริงแล้ว มันเป็นเวทีโลกระดับรองที่ทีมงานสร้างภาพ คงกลั่นกรองแล้วว่า นายกฯ คงไม่ปล่อยไก่เหมือนเวที่ทีดาวอส

บังเอิญว่า สุนทรพจน์ที่มีคนเขียนให้นายกฯ นกแก้วอ่านนั้น ท่วงทำนอง เนื้อหาไม่ต่างจากคำปราศรัยบนเวทีของม็อบเสื้อแดง คำเป็นสุนทรพจน์ที่โกหกให้ร้ายแผ่นดินเกิด เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงที่คนไทยรับรู้กันทั้งประเทศเพื่อพี่ชายของนายกฯ คนเดียว

ประชาธิปไตย ในความหมายของประชาคมประชาธิปไตย ไม่ได้หมายถึงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงรัฐบาลที่โปร่งใสตรวจสอบได้ ไม่คอร์รัปชั่น หมายถึงการยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน การมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม

รัฐบาลยิ่งลักษณ์สอบตกทุกกรณี เพราะการดำเนินโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าว โครงการป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท โครงการเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ฯลฯ ล้วนไม่โปร่งใส ใม่ยอมให้มีการตรวจสอบในรัฐสภา ไม่ยอมให้มีการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระ เมื่อครอบงำองค์กรอิสระไม่ได้ ก็จ้องทำลายล้าง การระดมกำลังตำรวจนับหมื่นนาย สกัดกั้นการชุมนุม และถึงขั้นยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ที่มาชุมนุมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือรังแกพรรคฝ่ายค้าน พฤติกรรมของนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ยอมเข้าประชุมสภาฯ ไม่กล้าพูดกับประชาชนของตนเองอย่างตรงไปตรงมา สิ่งเหล่านี้ คือพฤติกรรมของรัฐบาลนี้ที่ละเมิดหลักการของ Community of Democracies ทั้งสิ้น


แผนปั้นนายกฯ ที่คิดไม่ได้พูดไม่เป็นให้เป็นนายกฯ อินเตอร์ในเวทีโลก ต้องล้มเหลว และร้ายแรงยิ่งกว่าการปล่อยไก่ในการประชุมที่ดาวอสหลายสิบเท่า นางอองซานซูจี ประธานาธิบดีมองโกเลีย และรัฐมนตรีจากประเทศต่างๆ อีกเกือบ 100 ประเทศคงจะงงๆ ว่า นายกฯ ประเทศไทยกำลังพูดผิดเวที ผิดกาลเทศะหรือเปล่า นางอองซานซูจีคงไม่แปลกใจเท่าไร เพราะเธอเคยพบยิ่งลักษณ์มาแล้วครั้งหนึ่งตอนที่มาเยือนประเทศไทย

เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย นายกฯ นกแก้วไม่สามารถตอบคำถามสื่อมวลชนได้ว่า ทำไมจึงไปกล่าวให้ร้ายประเทศไทยในเวทีนั้น ได้แต่ท่องคำว่า เป็นอุทาหรณ์ เป็นอุทาหรณ์

เรื่องที่เธอไม่ได้เป็นคนเขียนสปีชเองนั้น ไม่มีข้อสงสัย เพราะถ้านายกฯนกแก้วมีความสามารถถึงเพียงนั้น เธอคงไม่ต้องเอาแต่วิ่งหนีสื่อมวลชน แต่เรื่องที่ต้องตั้งคำถามคือ เธอเข้าใจข้อความในสุนทรพจน์นั้นหรือไม่ว่ามันหมายถึงอะไร หรือว่าสักแต่ว่าอ่านไปให้จบ

สุนทรพจน์กล่าวหาประเทศไทย แก้ตัวให้พี่ชาย ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีของนายกฯ นกแก้วครั้งนี้ เป็นสิ่งที่สะท้อนว่า หลังจากเป็นนายกรัฐมนตรีมาหนึ่งปีกว่าๆ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังโง่เ หมือนเดิม


กำลังโหลดความคิดเห็น