xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” ประชุมหลักประกันสุขภาพ-ต้อนรับนายกฯ “ติมอร์-เลสเต”-จันทร์นี้บินไปมองโกเลีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภารกิจนายกฯ วันนี้ประชุมนโยบายระบบประกันสุขภาพ ตั้ง “โต้ง” ดูแลระบบคุ้มครองสิทธิผู้เอาประกัน พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถ ช่วงเย็นนำ นายกฯ ติมอร์-เลสเต ตรวจแถวทหาร พร้อมหารือทวิภาคี เผย 11 โมงเช้าจันทร์นี้ไปประชุมประชาคมประชาธิปไตยที่มองโกเลีย

วันนี้ (26 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับภารกิจของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เริ่มจากเมื่อเวลา 13.30 น.ที่ห้องประชุมสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเชิงนโยบาย เรื่องการสร้างความเป็นเอกภาพและบูรณาการสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบประกันสุขภาพภาครัฐ ครั้งที่ 7 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมได้มีการหารือและพิจารณาเรื่อง ข้อเสนอการพัฒนาการคุ้มครองสิทธิของประชาชนตาม พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถ และความก้าวหน้าการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉินตามโครงการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ถึงแก่ชีวิต ไม่ถามสิทธิ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น ซึ่งเป็นความต่อเนื่องของรัฐบาลในการดำเนินการตามนโยบายลดความเหลื่อมล้ำและบูรณาการสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างถ้วนหน้าและเสมอภาคกัน โดยมี นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย

ภายหลังการประชุม โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์กองทุนผู้ประสบภัยจากรถที่ผ่านมา พบว่ามีสัดส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสูง แต่มีการจ่ายสินไหมทดแทน ไม่ถึงครึ่ง เช่น ในปี 2551 ค่าเบี้ยประกันภัย 10,631 ล้านบาท แต่จ่ายสินไหมทดแทน 4,535 ล้านบาท หรือร้อยละ 43 มีค่าใช้จ่ายบริหารจัดการ 4,713 ล้านบาทหรือร้อยละ 45 และมีกำไร 1,311 ล้านบาท หรือร้อยละ 12 ขณะเดียวกันกระบวนการมีความยุ่งยาก ทั้งการใช้สิทธิของประชาชนผู้ประสบภัย และเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลของสถานพยาบาล มีความซ้ำซ้อนของภารกิจตามระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และระบบหลักประกันสุขภาพอื่น เช่น ในปี 2554 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือ สปสช.จ่ายค่ารักษากรณีประสบภัยจากรถแทนประมาณ 1,300 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนผู้ประสบภัยจากรถได้รับบริการรักษาพยาบาลตามความจำเป็นโดยที่ระบบต้องอำนวยความสะดวก เพื่อให้เข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม และการบริหารจัดการที่ต้องมีประสิทธิภาพ ทั้งการเบิกจ่ายค่ารักษา การแจ้งใช้สิทธิ ลดความซ้ำซ้อน ที่ประชุมโดยนายกรัฐมนตรีจึงได้มีมติตั้งคณะกรรมการเพื่อพัฒนาการคุ้มครองสิทธิระบบการคุ้มครองสิทธิของผู้เอาประกัน ตาม พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถ โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน เพื่อศึกษารายละเอียดในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และให้นำเสนอแนวทางการแก้ไขในการประชุมครั้งต่อไป

นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงานที่ประชุมรับทราบเกี่ยวกับกรณีที่ได้รับหนังสือร้องเรียนขอความอนุเคราะห์ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทีไม่เป็นธรรมจากการรักษาพยาบาลตามนโยบายของรัฐบาลกรณีมีเหตุฉุกเฉิน ของนางสุภัคคินี อชินีทองคำ พร้อมมอบหนังสือร้องเรียนดังกล่าวให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป

ต่อมาเวลา 17.30 น. ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายเคย์ ราลา ซานานา กุสเมา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและความมั่นคง สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ หลังจากนั้นจะมีการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีสองฝ่าย และลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายมอบให้ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและความมั่นคงสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ณ ตึกสันติไมตรี นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและความมั่นคงติมอร์-เลสเต จะเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 69 ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ ในวันที่ 29 เม.ย.นี้ด้วย

มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเยือนมองโกเลียอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีประชาคมประชาธิปไตย (Community of Democracies - CD) ครั้งที่ 7 ณ ประเทศมองโกเลีย ระหว่างวันที่ 27-29 เม.ย. 2556 โดยการเดินทางเยือนมองโกเลียครั้งนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และ “เปิดศักราชใหม่” ของความสัมพันธ์ ระหว่างไทยและมองโกเลีย โดยการเยือนครั้งนี้นับเป็นการเยือนมองโกเลียครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีไทย เพื่อร่วมกำหนดแนวทางการพัฒนาความร่วมมือในสาขาที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน รวมทั้งวางพื้นฐาน และกรอบในการดำเนินความร่วมมือสนับสนุนการจัดตั้งกลไกหารือทวิภาคีระหว่างกันเพื่อส่งเสริมให้มีความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน และการท่องเที่ยว รวมทั้งผลักดันการแลกเปลี่ยนการเยือน การหารือร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาคและในกรอบพหุภาคี

ทั้งนี้ การเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีของประชาคมประชาธิปไตย ครั้งที่ 7 โดยประชาคมประชาธิปไตย โดยในปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Cementing Accomplishments and Strenthening Reforms” ซึ่งประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนและเข้าร่วมการประชุมมาโดยตลอด ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับความท้าทายและการพัฒนาประชาธิปไตย โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อความยั่งยืนของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยอาศัยมุมมองจากประสบการณ์ของไทย รวมทั้งติดตามแนวโน้มสถานการณ์และท่าทีของประเทศต่างๆต่อการเปลี่ยนแปลงและเรียกร้องประชาธิปไตยทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ

โดยมองโกเลียต้องการพัฒนาความร่วมมือกับไทยในสาขาพลังงาน ยานยนต์ โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดเล็ก (รถยนต์ปิกอัพ Pickup Car) ซึ่งขณะนี้มองโกเลียมีความต้องการมาก และจะเป็นโอกาสของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่จะขยายตลาดไปสู่มองโกเลีย และการเกษตร อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีและคณะ มีกำหนดการเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันเสาร์ที่ 27 เม.ย. 2556 เวลา 11.00 น. และจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันจันทร์ที่ 29 เม.ย. 2556 เวลา 18.40 น.











กำลังโหลดความคิดเห็น