“ประยุทธ์” ยืนยันทหารรักษาดินแดนไทยเต็มที่ ถ้าเขมรบุกรุกพร้อมปะทะ ระบุไทย-กัมพูชาต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษอยู่ในกรอบกติกา สั่งติดไมโครโฟนตลอดแนว ป้องกันการเข้าใจผิด ขณะเดียวกันให้ มทภ.2 ตั้งสมมติฐานจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง เมื่อเกิดแล้วจะทำอย่างไร พร้อมประสานรัฐบาล กลาโหม กองทัพไทย เพื่อให้รับทราบแนวทางปฏิบัติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการของกองทัพบก หลังจากทีมทนายฝ่ายไทยได้ให้ถ้อยแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลกในคดีเขาพระวิหารว่า ทุกคนติดตามกันมาตลอด อย่างนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก พูดว่า มีความสุขที่ได้เห็นคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งประเทศ แต่ผลการต่อสู้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องรอดูกันต่อไปว่าเป็นอย่างไร ในฐานะที่ตนอยู่ฝ่ายความมั่นคงไม่ประมาท ได้ให้กำลังใจและข้อมูล ขณะเดียวกันได้รักษาอธิปไตยตามชายแดนอย่างที่เคยรักษาไว้เดิมอย่างเคร่งครัด และวันนี้ยังยึดถือแนวทางเดิมตลอดว่าในพื้นที่ไหนที่ชัดเจนบุกรุกกันไม่ได้ และถ้าจำเป็นก็ต้องปะทะกันด้วยอาวุธ เพราะทั้งโลกเขาทำอย่างนั้น แต่พื้นที่ไหนยังไม่ชัดเจนก็ว่ากันด้วยการพูดคุย ผ่านกลไก และหลักฐาน หรือประท้วงกันไป
“ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาเราประท้วงมาโดยตลอดทุกเรื่อง แต่อันไหนที่ไปถึงศาลก็ไปว่ากันในชั้นศาล และหลังจากผลออกมาก็ต้องมาหารือกันอีกทีว่าจะทำกันอย่างไร ศาลจะตัดสินอย่างไรยังไม่รู้ แต่วันนี้เราจะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันกับประเทศเพื่อนบ้านเพราะเราหนีไปไหนกันไม่ได้ เราได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว และผมได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังสุรนารี และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสายงาน กอ.รมน.ที่ดูแลทั้งในและนอกประเทศ ส่วนภายในประเทศ คือการทำความเข้าใจกับประชาชนที่มีอยู่ 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ไม่ให้ทะเลาะกัน ส่วนต่างประเทศต้องคุยกับกัมพูชาว่า เราจะอยู่อย่างสันติก่อนคำตัดสิน ส่วนหลังคำตัดสินค่อยว่ากันอีกทีว่าจะทำอย่างไร การดำเนินการต่างๆ ไม่ใช่เกิดวันนี้แล้วทำพรุ่งนี้ เราต้องรักษาสิทธิของเราให้เต็มที่และเกื้อกูล ต่อการดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ปัญหา ผมจึงสั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 เตรียมตั้งสมมติฐานว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ถ้าเกิดขึ้นแล้วจะทำอย่างไร พร้อมทั้งประสานงานและแจ้งให้กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม และรัฐบาลให้รับทราบว่าเราจะปฏิบัติอย่างไร”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องรักษาสภาวะแวดล้อมให้มีความปลอดภัย สร้างสันติภาพให้อยู่ร่วมกัน ถ้าสมมติมีการล่วงล้ำกันต้องเริ่มต้นที่การพูดคุยเจรจา ไม่ใช่อยู่ดีๆ มายิงกัน ถ้าหากจำเป็นต้องใช้อาวุธก็ต้องใช้ตอบโต้ ตนยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนทุกครั้ง ซึ่งตนได้สั่งกำชับว่าเราจะต้องไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน และต้องรักษาความปลอดภัยของตนเอง คงจะไปห้ามทหารไม่ให้ป้องกันตัวเองคงไม่ได้ ทหารต้องอยู่ในที่กำบังและแสดงเขตแดนให้ชัดเจน รวมถึงการใช้คำพูด ตนได้สั่งการให้ติดไมโครโฟนตลอดแนวชายแดน หากมีอะไรเกิดขึ้น เช่น มีเสียงปืนลั่น ก็สามารถสอบถามกันได้ เพราะบางครั้งโทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้ หรือไม่ก็พูดกันไม่รู้เรื่อง และจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดทำให้ยิงกันทั้งแนว และนำไปขึ้นศาลอีกรอบจะทำให้เสียเวลา จะทำให้เกิดความได้เปรียบ หรือเสียเปรียบกันอีก
ผบ.ทบ.กล่าวว่า ทุกวันนี้ทั้งสองฝ่ายต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ อยู่ในกรอบกติกา ถ้าเกิดเหตุการณ์ต้องระงับให้ได้โดยเร็ว และจำกัดพื้นที่ให้ได้ รวมถึงไม่ให้เกิดความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุ ทั้งนี้ ตนพอใจในการทำงานของทีมทนายฝ่ายไทยเพราะได้นำเสนอทุกแง่มุม ทุกวันนี้เรายังให้กองทัพภาคที่ 2 เก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานเอาไว้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น สามารถสนับสนุนให้ทีมทนายได้ ส่วนหน่วยงานความมั่นคงเรามั่นใจในข้อมูลหลักฐานของฝ่ายเราเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับศาลและคณะผู้พิพากษาว่าจะตัดสินด้วยอะไร