ที่ประชุมสภากลาโหมรับทราบใช้เส้นเขตแดนไทย-กัมพูชา ตามมติ ครม.ปี 2505 ส่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศพิจารณาคดีพระวิหาร “สุกำพล” ขอบคุณ 4 หน่วยงานดูแลชายแดน เผยหากเกิดปัญหาจะใช้ช่องทางจีบีซี อีกด้านเตรียมลงนามความร่วมมือ ก.พลังงาน ส่งเสริมวิจัยและพัฒนาพลังงานทุกรูปแบบ
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมที่มี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เป็นประธานในการประชุมว่า ในที่ประชุมสภากลาโหม ทาง รมว.กลาโหม ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ให้ข้อมูล เพื่อประกอบการแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลกกรณีที่กัมพูชาขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเฉพาะเรื่องแผนที่ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ
โดย รมว.กลาโหม ได้ขอบคุณกองทัพไทย กรมกิจการชายแดนทหาร กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 ที่ดูแลพื้นที่ชายแดนเป็นอย่างดี ทำให้เกิดความมสงบเรียบร้อย สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นไปทำกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ ทั้งนี้ รมว.กลาโหมได้กล่าวยืนยันถึงความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพกัมพูชาว่า ไม่ได้มีข้อโต้แย้ง ความบาดหมางหรือปัญหาใดๆ ซึ่งปัญหาและผลกระทบต่างๆ จะใช้ช่องทางการพูดคุยของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) และกองทัพทั้ง 2 ชาติยังเป็นมิตรทีดีต่อกันในอนาคต ส่วนกรณีที่ศาลโลกให้ไปกำหนดจุดพิกัดรอบปราสาทพระวิหารนั้น ทาง รมว.กลาโหม สั่งการให้ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม ไปดูแลในเรื่องนี้ โดยจุดพิกัดต่างๆ ของไทยยึดตามมติ ครม.ของไทยเมื่อปี พ.ศ.2505
นอกจากนี้ พ.อ.ธนาธิป ยังกล่าวว่า ในที่ประชุม รมว.กลาโหม ได้แจ้งให้เหล่าทัพรับทราบว่า ปัจจุบันทางกระทรวงกลาโหม และกระทรวงพลังงาน ได้ร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนวิจัยและพัฒนาด้านการพลังงานทุกรูปแบบ รวมทั้งการใช้พลังงานออย่างมีประสิทธิภาพ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้ความรู้สร้างจิตสำนึกด้านพลังงานตลอดจนการพัฒนาบุคลากรด้านพลังงานของทั้ง 2 ฝ่าย จึงจะมีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันที่ 23 เม.ย.นื้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์ในการลงนามครั้งนี้ โดยมีปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพเข้าร่วมพิธีด้วย
ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวเป็นการสนับสนุนกิจการด้านพลังงาน 4 ด้าน คือ 1.ด้านยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการพลังงานในกิจการทหาร 2.การส่งเสริมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน มีการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังานทดแทน และส่งเสริมให้มีการใช้หลอดไฟฟ้าประหยัดพลังงานเ โดยกระทรวงพลังงานจะส่งเสริมให้กระทรวงกลาโหมเป็นองค์การนำร่องในการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงตามนโยบายขงอรัฐบาล เช่น หลอดแอลอีดี การส่งเสริมสนับสนุนและวิจัยพัฒนาหญ้าเนเปียร์ โดยใช้พื้นที่ในความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหม 3.ด้านความร่วมมือในงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ละการสำรวจผลิตทรัพยากรพลังงาน รวมถึงการประเมินความเป็นไปได้ในการผลิตก๊าซมีเทนจากชั้นถ่านหินในแอ่งฝาง และแอ่งอื่นๆในเขตพื้นที่รับผิดชอบของกระทรวงกลาโหม และ 4.ด้านการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ด้านพลังงานการฝึกอบรมส่งเสริมการสื่อสารเผยแพร่ความรู้พลังงานร่วมกับกระทรวงกลาโหม