“รองเหลิม” นั่ง ปธ.ประชุมรับฟังข้อเสนอสร้างสันติภาพชายแดนใต้ ยัน รบ.ไม่หนุนรุนแรงแก้ปัญหา เผยมี 3 ข้อหลังลงพื้นที่ ทราบอดีตไม่ได้ความยุติธรรม ถูกยัดข้อหา ผู้นำพื้นที่ไม่เอา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมตั้งศูนย์ร้องทุกข์ ขู่ ผู้ว่าฯนิ่งฟ้องนายกฯ ก่อนรวมชื่อถูกยัดข้อหาเข้าศูนย์ฝึก และยกเลิกประกาศฉุกเฉินหากพื้นที่สงบจริง รอง ผบ.ทบ.ชี้ป่วนจริงมี 20% รับมีทหารนอกรีต ยันฟังเสียง ปชช. ร.ร.เอกชนชายแดนใต้โวย ยศพันเอก ตราหน้าไม่ไว้ใจ “เหลิม” ยันสอบให้
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ (ศปก.กปต.) เป็นประธานในการประชุมรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกระบวนการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้ โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ทบ. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) และนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา แกนนำกลุ่มวาดะห์ ในฐานะที่ปรึกษา ร.ต.อ.เฉลิม พร้อมด้วยตัวแทนผู้นำศาสนาทุกศาสนาเข้าร่วมประชุมเสวนา
โดย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจากการที่ตนได้ลงพื้นที่มาได้ข้อสรุปถึงปัญหา 3 ข้อ คือ 1.ทุกคนมีอดีตอันขมขื่นแล้วไม่ได้รับความยุติธรรม 2.การออกหมายจับมีการถูกกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายป้ายสี และ 3.ผู้นำในพื้นที่ไม่ต้องการให้มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งตนเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในส่วนที่ 1.ให้ตั้งศูนย์ร้องทุกข์ในพื้นที่ หากใครรู้ตัวว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มาร้องเรียน และตนจะดำเนินการให้ โดยจะสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการ หากผู้ว่าฯไม่ดำเนินการจะมีการร้องเรียน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีทันที ส่วนที่ 2.ให้รวบรวมรายชื่อของผู้ที่ถูกออกหมายจับอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งรัฐบาลจะใช้หลักรัฐศาสตร์นำหลักนิติศาสตร์ โดยจะประสานกับทาง ผบ.ตร.อัยการและศาสนานำผู้ที่ถูกหมายจับเข้าฝึกในศูนย์ฝึกที่หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจริงก็อาจจะฝึกแค่ 7 วันและสามารถเข้าเยี่ยมได้ และส่วนที่ 3 หากในพื้นที่ใดที่ต้องการเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้แจ้งมา หากเป็นพื้นที่สงบไม่มีการก่อเหตุตนจะยกเลิกให้ภายใน 7 วัน เพราะรัฐบาลไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกดขี่ประชาชน
ด้าน พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า จากข้อมูลในพื้นที่พบว่า 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่เป็นการก่อเหตุความรุนแรง และอีก 80 เปอร์เซ็นต์เป็นเหตุอาชญากรรมธรรมดา ตนยอมรับว่ามีทหารที่มีพฤติกรรมที่ผิด และเป็นเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้นซึ่งผู้ที่กระทำผิดก็ต้องได้รับโทษและรอติดคุกทหารอยู่ อีกทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของทหารก็เป็นในนามของ กอ.รมน.ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เพื่อให้อำนาจในการควบคุมตัว และการจะประกาศใช้ก็ต้องฟังเสียงจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งก็มีที่ต้องการให้ยกเลิกและคงไว้
ทั้งนี้ ในที่ประชุมมีการเสนอแนะทั้งปัญหาในพื้นที่และแนวทางการแก้ไขอย่างกว้างขวาง โดยประธานสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุในที่ประชุมว่า เรากำลังพยายามสร้างความสันติให้เกิดในพื้นที่ แต่มีหน่วยงานของรัฐให้กับมา ซึ่งจากประชุมการศึกษาในพื้นที่ที่ตนเคยร่วมประชุมอยู่ด้วย มีเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ยศพันเอกคนหนึ่งกล่าวในที่ประชุมครั้งนั้นว่าไม่ไว้ใจโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนสอนศาสนาปอเนาะ ถึงกับเสนอว่ากระทรวงศึกษาธิการไม่ควรออกใบอนุญาตให้ ตนมองว่าความคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ล้าหลังและอยากจะถามว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจะให้พวกตนไปอยู่ที่ประเทศไหน ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงว่า ไม่น่าจะมีเช่นนั้น แต่ตนจะตรวจสอบให้ ซึ่งยืนยันว่าผู้บังคับบัญชา และรัฐบาลไม่เอาด้วยกับแนวคิดเช่นนั้นเด็ดขาด
