xs
xsm
sm
md
lg

“ทูตวีรชัย” ภูมิใจข้อมูลสู้เขมรไม่รั่ว “ปึ้ง” พารายงาน “ปู” พรุ่งนี้ โบ้ย กต.สั่งเด้งทีมเจบีซี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รมต.พร้อมทีมสู้คดีพระวิหารกลับบ้านเกิด หลังเสร็จภารกิจศาลโลก “ทูตวีรชัย” ขอบคุณกำลังใจรับสู้เต็มที่ ดีใจข้อมูลไม่รั่วถึงเขมร โยนศาลตัดสิน ทนายต่างชาติพร้อมบินสมทบ เชื่อข้อมูลก่อนยื่นเอกสาร 26 เม.ย. ชี้ไม่กระทบความสัมพันธ์เขมร “สุรพงษ์” พารายงานนายกฯ พรุ่งนี้ ปัด คุย “ฮอร์ นัมฮง” ย้ำ “ปู-ฮุนเซน” ยังซี้แยกเรื่องคดี เผย กต.พร้อมพิมพ์คำสู้คดีแจก ปชช. โบ้ยทำตามคำแนะ กต.ปลด “ทูตวีรชัย” ทีมเจบีซี ยันให้เกียรติสู้คดี จนทำได้ดี อ้าง รบ.หนุนลุยต่อ โวคนไทยภูมิใจสร้างสามัคคี



วันนี้ (21 เม.ย.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายวีรชัย พลาศัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และคณะทำงานคดีปราสาทเขาพระวิหาร เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ หลังให้ถ้อยแถลงด้วยวาจาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลกในการต่อสู้คดีที่กัมพูชายื่นให้ศาลโลกตีความคำพิพากษา เมื่อปี 2505 โดยมีสื่อมวลชนทั้งไทย และต่างประเทศให้ความสนใจอย่างคึกคัก

นายวีรชัย กล่าวว่า ขอขอบคุณคนไทยที่ให้กำลังใจในการต่อสู้คดี เชื่อว่าทำดีที่สุดแล้ว และรู้สึกภูมิใจในเรื่องของการเก็บความลับก่อนที่จะนำไปชี้แจงต่อศาลโลก ซึ่งเป็นไปตามหลักการเก็บรักษาความลับทางราชการ เพราะหากทางกัมพูชารู้ข้อมูลก่อนก็อาจดักทางการต่อสู้คดีได้ แต่ไม่ขอตอบว่ามั่นใจข้อมูลส่วนไหนมากที่สุดที่ไปชี้ แจงเพราะอาจเป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลได้

ส่วนหากศาลยึดแผนที่แนบท้ายฉบับ 1 ของกัมพูชาจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่ นายวีรชัย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล เพราะทีมทนายได้ให้เหตุผลครบถ้วนหมดแล้ว ทั้งนี้ ทีมทนายความชาวต่างชาติก็จะทยอยเดินทางกลับมาประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งทุกคนก็ทราบว่าเป็นที่ชื่นชมของคนไทยทั้งประเทศ ขณะที่การเตรียมเอกสารยื่นต่อศาลโลกเพิ่มเติมในวันที่ 26 เมษายนนี้ ได้จัดเตรียมข้อมูลไว้มากพอสมควรพร้อมยื่นแล้ว และเชื่อว่าจะไม่กระทบความสัมพันธ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ด้านนายสุรพงษ์ กล่าวว่า นายวีรชัย ทีมทนายความ และที่ปรึกษาทีมทนายความชาวต่างชาติ ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ต่อไปเป็นขั้นตอนในการทำความเข้าใจกับประชาชนถึงแนวทางการตัดสินคดีของศาลโลกว่าจะออกมาในแนวทางใดได้บ้าง และในวันพรุ่งนี้ (22 เม.ย.) เวลา 14.00 น. จะนำคณะทำงานเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อรายงานสรุปผลทั้งหมดให้ทราบ

นายสุรพงษ์ ยังกล่าวว่า ในการแถลงให้การต่อศาลโลกด้วยวาจาคดีที่กัมพูชายื่นตีความคำพิพากษา ปี 2505 นัดสุดท้ายไม่ได้มีการพูดคุยกับนายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาแต่อย่างใด ยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชายังคงเหมือนเดิม เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็พูดคุยกันทุกครั้งที่มีการพบหารือกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และคดีความนั้นแยกออกจากกัน ดังนั้น ผลออกมาอย่างไรก็ไม่น่าเป็นห่วง แต่กระทรวงการต่างประเทศก็จะต้องทำงานให้หนักมากขึ้น ในการรวบรวมคำให้การมาตีพิมพ์ให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนมีความพร้อม และความเข้าใจกับคำตัดสินที่จะออกมา

เมื่อถามถึงการปลดนายวีรชัย พลาศัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ออกจากคณะกรรมการชายแดนร่วมเจบีซี นายสุรพงษ์ กล่าวว่า นายวีรชัย เป็นทูตประจำกรุงเฮกอยู่แล้ว ไม่ได้อยู่ทีมเจบีซี และมีทูตอีกคนหนึ่งทำหน้าที่ดูแลในเรื่องของเจบีซีโดยเฉพาะ

เมื่อถามย้ำว่า มีเอกสารลงวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่เสนอให้ตัดนายวีรชัยออกจากทีมเจบีซี นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เสนอให้ตัด ตอนนั้นเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งทุกอย่างก็ทำตามที่กระทรวงนำเสนอมา และนายวีรชัย ก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าทำงานได้ดี ทำเต็มที่ รัฐบาลก็ให้เกียรติในการทำหน้าที่ด้วย

“บางทีบางคนบอกว่า รัฐบาลคอยดึงไม่ให้สู้เต็มที่ ท่านสู้เต็มที่ เราสนับสนุนท่านเต็มที่ทุกเรื่อง ท่านตัดสินใจเอง สิ่งไหนที่ดีเราก็ให้เกียรติ และเราก็ถือตามนั้น เพราะทีมงานทั้งหมดที่ทำมาก็ทำมานานมากถึง 3 ปี ทุกคนมีความเชี่ยวชาญ เก่ง มีความชำนาญ ดังนั้น ทีมนี้จึงเป็นทีมที่ดีที่สุดที่ได้คัดเลือกมาแล้ว หลายๆ ฝ่ายพยายามจะบอกว่าที่รัฐบาลไม่ยอมเปลี่ยนทีมเพราะหากแพ้จะได้โบ้ยความผิดให้รัฐบาลชุดก่อน ซึ่งไม่ใช่เลย” นายสุรพงษ์ กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลพิจารณาแล้วว่าคณะทำงานชุดดังกล่าวเป็นทีมที่ดีที่สุด และควรให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวรู้รายละเอียดการทำงานทั้งหมดแต่ไม่สามารถพูดได้ เกรงว่าความลับจะรั่วไหล ต้องยอมทนรับคำสบประมาทเอาไว้ แต่ก็ไม่เป็นไรเป็นการทำเพื่อประเทศ ซึ่งวันนี้เชื่อว่าประสบความสำเร็จมาระดับหนึ่งแล้ว เหลือเพียงรอผลคำวินิจฉัยอีกครั้ง อีกทั้งคนไทยก็เริ่มมีความเข้าใจเรื่องดังกล่าวตรงกันทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นสิ่งที่ดี ที่มีความสามัคคี ซึ่งตนรู้สึกภูมิใจ และคนไทยทุกคนก็ควรภูมิใจเช่นกัน









กำลังโหลดความคิดเห็น