“ประสงค์” ตอกสองมาตรฐาน โจมตีแต่ ส.ว.สรรหา ย้อนทุกตำแหน่งก็ต้องคัดจากเลือกตั้งโดยตรง ชี้สรรหาไม่เลว หากทำเพื่อชาติ แถมมาจาก รธน. ไม่ได้แก้เพื่อประโยชน์ “ประสาร” ยันสายสรรหารับได้ แม้ถูกย่ำยีในสภา สะกิด ปธ.วุฒิฯ ความถูกต้องมาคู่ความเหมาะสมในการทำหน้าที่ เหตุร่วมยื่นแก้ รธน.แต่ยังนั่ง ปธ.คุมสภา “นิคม” ไม่สนบอกยิ่งทุบยิ่งพอง
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ได้หารือว่า ตนอยากให้ประธานประสานไปยังนายกรัฐมนตรีว่า ตนศรัทธาในวิธีการประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งโดยตรง ดังนั้นทุกหน่วยงานในประเทศก็ต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรงด้วย โดยเฉพาะผู้ที่รับผิดชอบประเทศชาติโดยตรง ส.ส. ส.ว.นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ก็ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ไม่ต้องชี้บ่งเฉพาะ ส.ว.อย่างเดียวที่ต้องมาจากการเลือกตั้งจึงจะถูกยอมรับ ถือเป็นการใช้สองมาตรฐานอย่างยิ่ง ตนไม่เชื่อว่าการมาจากการสรรหาจะเลวเกินว่าจะรับได้ ยังมีวิธีอีกมากที่จะพิสูจน์ได้ หากรักที่จะทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ จะรังเกียจกันทำไม เพราะ ส.ว.สรรหาก็มาจากการสรรหาตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่มาจากการแก้เพื่อรับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ จึงหวังว่าท่านประธานจะรับฟังด้วย
นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า 3 วันที่ผ่านไปถือว่ารัฐธรรมนูญฉบับค้ากำไรเกินควรของฝ่ายการเมืองนั้นผ่านไปแล้ว โดย ส.ว.สรรหา ถูกกระทำย่ำยีหลายครั้งหลายหนแต่ไม่เป็นไร พวกเรารับได้ แต่สิ่งที่ไม่สบายใจมากกว่าคือการทำหน้าที่ของประธานวุฒิสภาทั้งๆที่เซ็นชื่อเป็นหนึ่งเดียวกับฝ่ายเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็มาทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทุกครั้งที่วิปฝ่ายค้านพูดท่านก็เจ็บ ที่ผ่านมาในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในมาตรา 291 นายจรัญ ภักดีธนากุล หนึ่งในตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้ที่แสดงความเห็นไปในทิศทางตรงข้ามผู้ถูกร้องได้ถอนตัวจากการการพิจารณาไต่สวนในครั้งนั้นอย่างสง่างามซึ่งได้รับการยกย่องเชิดชู ทั้งๆ ที่ท่านมีสิทธิ์ถูกต้อง เช่นเดียวกันกับท่านประธานวุฒิสภาก็บอกว่าถูกต้องไม่ผิดกฎหมาย ไม่ได้รับผลประโยชน์ไม่ได้เอียงข้าง แต่กลับแตกต่างกันในการปฏิบัติหน้าที่ การทำหน้าที่จะต้องมี ความถูกต้อง และเหมาะสม สองคำนี้จะต้องไปด้วยกัน แต่ที่สำคัญมันต้องการการจิตสำนึกและความกล้าหาญทางจริยธรรมที่สูงส่งจึงอยากให้ประธานวุฒิสภาได้พิจารณาและทบทวนเพื่อไม่ให้บอบช้ำไปกว่านี้
ขณะที่นายนิคมได้กล่าวสั้นๆ ว่า “ไม่ต้องห่วงผม ผมยิ่งทุบยิ่งพอง” พร้อมตัดบทเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม