นายกรัฐมนตรีเปิดงาน “รวมใจคนไทย สู้วิกฤติไฟฟ้า” หวังชาวบ้านไม่ลดใช้พลังงานแค่ช่วงพม่าปิดซ่อมท่อ ชู 3 ป.รณรงค์ พร้อมสวัสดีปีใหม่คนไทย ก่อนโชว์ปิดไฟ ถอดปลั๊ก เชื่อผ่านวิกฤตพรุ่งนี้ได้ ยันพลังงานสำรองพอ ใส่เสื้อผ้าให้เหมาะกับอากาศ
วันนี้ (4 เม.ย.) ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “รวมใจคนไทย สู้วิกฤตไฟฟ้า” ที่กระทรวงพลังงานจัดขึ้น โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศเข้าร่วมงาน โดยนายกฯ ได้กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า พลังงานเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกภาคส่วน ซึ่งจะเห็นได้ว่าพลังงานมีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ในครัวเรือน ภาคเกษตรกรรม และการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ซึ่งอาจเรียกได้ว่า พลังงานเป็นปัจจัยที่ 5 เราจึงต้องช่วยกันประหยัดพลังงาน เนื่องจากพลังงานที่ใช้ทุกวันนี้ เป็นพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป โดยประเทศไทยต้องนำเข้าพลังงานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าถึงร้อย 55 มีผลผูกพันค่าครองชีพประชาชน และในวันที่ 5- 14 เม.ย. ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติใน ประเทศพม่าจะปิดซ่อมบำรุงท่อก๊าซ ทำให้ส่งผลกระทบต่อพลังงานสำรองของประเทศไทยในช่วงดังกล่าว จึงจำเป็นต้องมีการลดใช้พลังงาน ซึ่งตนไม่อยากเห็นแค่การใช้พลังงานในช่วงนี้ แต่อยากเห็นการประหยัดพลังงานในระยะยาว หากทำได้จะเกิดประโยชน์ต่อสังคมและเศรษฐกิจ
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า การรณรงค์ประหยัดพลังงานเมื่อปีที่ผ่านมาก็มีการรณรงค์ให้หน่วยงานราชการประหยัดพลังงาน ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่ทำได้เกินร้อยละ 10 และจะมีการขยายไปสู่ภาคเอกชน จึงขอขอบคุณในความร่วมมือดังกล่าว และในปีนี้ขอให้ร่วมมือรณรงค์ 3 ป. คือ ปิดไฟ ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศจาก 25 เป็น 26 องศา และถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น หากทำได้ก็จะมีพลังงานสำรองมากขึ้น และในโอกาสนี้ที่ใกล้กับช่วงเทศกาลสงกรานต์ถือโอกาสนี้ สวัสดีปีใหม่ไทยกับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกท่าน และขอให้สงกรานต์นี้เป็นสงกรานต์ที่มีความสดใส สงกรานต์ที่ปลอดภัย และสงกรานต์ของการณรงค์ของการประหยัดพลังงานร่วมกัน
เมื่อกล่าวเปิดงานเสร็จสิ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายพงษ์ศักดิ์ และนายสุรพงษ์ได้ร่วมกันปรับแอร์ ปิดไฟ และถอดปลั๊ก เพื่อจุดเริ่มการรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดพลังงาน ทั้งนี้ภายในงานดังกล่าวมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้จัดนิทรรศการรณรงค์การประหยัดพลังงาน
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการรณรงค์ประหยัดพลังงานที่ผ่านมานั้น จะสามารถให้ความมั่นใจกับประชาชนได้หรือไม่ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องพลังงานว่า วันนี้จากการรายงานของกระทรวง เชื่อได้ว่าเราได้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ แต่เราก็อยากได้พลังงานไฟฟ้าสำรองที่สูงขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการขาดแคลนพลังงานที่มากขึ้น ซึ่งช่วงเวลาที่จะมีการใช้พลังงานสูงสุดนั้น คือเวลา 14.00-15.00 น. หากสามารถประหยัดงานในช่วงนี้จะทำให้เรามีพลังงานสำรองที่มากขึ้น และในขณะนี้เมื่อดูจากตัวเลขพลังงานสำรองก็เพียงพอ แต่ก็อยากให้ประชาชนประหยัดพลังงานในระยะยาว นำวิกฤติตรงนี้มาเป็นพลังในการร่วมกันประหยัดพลังงาน และจะทำให้ลดอัตราการนำเข้าพลังงาน รวมถึงการส่งเสริมการใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับอากาศในประเทศไทย พร้อมกันนี้เรายังคงเดินหน้าในพลังงานทางเลือกและถือเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศที่จะสนับสนุนในเรื่องนี้ ซึ่งได้มอบหมายให้รัฐมนตรีพลังงานไปหารือ เพื่อจะส่งเสริมในหลายรูป และอีกไม่นานจะมีรายละเอียดความคืบหน้าต่อไป
