xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กโอ๋” สั่ง มทภ.4 ล่ามืออุ้มฆ่านาวิกฯ ลั่นต้องเอาตัวมาให้ได้! “บิ๊กตู่” จ่อใช้ กม.พิเศษเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (แฟ้มภาพ)
“สุกำพล” เสียใจนาวิกฯ ใต้โดนโจรอุ้มฆ่า ลั่นจะไม่ยอมให้ทำอย่างนี้ ชี้พวกมีปัญหาอยู่เทือกเขาบูโด สั่ง มทภ.4 ต้องเอาตัวมาให้ได้ ขู่แรงมาต้องแรงไป ด้าน “ประยุทธ์” รับถ้าเหตุไม่ดีก็ต้องใช้กฎหมายพิเศษเพิ่ม เผยต้องพยายามแก้โจรสวมเครื่องแบบ ติงสื่ออย่าถามชี้ช่อง เล็งโยนจุดอ่อนแอให้ตำรวจคุม โอดไทยกลัวสิทธิมนุษยชนจนปิดล้อมเมืองเหมือน ตปท.ไม่ได้ เห็นใจทหารถืออาวุธกลับบ้านไม่ได้ ขณะที่ “สุรศักดิ์” จ่อพบครอบครัวผู้สูญเสีย

วันนี้ (3 เม.ย.) ที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง เมื่อเวลา 10.30 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพลทหารมะอีลา โตะลู สังกัดพัน ร.7 กองพลนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ ถูกคนร้ายจับตัวไปยิงจนเสียชีวิตว่า รู้สึกเสียใจและจะไม่ยอมให้ทำอย่างนี้ ต้องเอาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ ตนไม่ยอม ใครที่คิดไม่ดีตนก็ไม่ดีด้วย เรื่องนี้ไม่ต้องกำชับกำลังพลเพราะเขาฉลาดพอ วันนี้ต้องเข้าใจว่าการเจรจากับการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความสงบสุขในภาคใต้ต้องเดินไปเป็นคู่ขนาน ทั้งนี้การเจรจาอย่างน้อยผู้ก่อความไม่สงบก็เข้ามาคุยกับเรา ส่วนที่ไม่ยอมก็ว่ากันไปซึ่งพวกที่มีปัญหามีแค่บริเวณเทือกเขาบูโดทางเรากำลังดำเนินการอยู่ ส่วนการป้องกัน คงไม่ต้องบอกว่าต้องทำอย่างไร เขารู้ตัวกันดีว่าจะทำอย่างไรเพราะอยู่กันมาหลายปีก็ยังอยู่กันได้ไม่เห็นเป็นอะไร ถ้าพวกนี้มาเล่นกับลูกน้องตนอย่างนี้ต้องเอาตัวมาให้ได้ และตนได้บอกกับแม่ทัพภาคที่ 4 ไปแล้วต้องเอาตัวมาให้ได้ ถ้าอย่างนี้แล้วแรงมาก็ต้องแรงไป เฉพาะคนที่ไม่ดี ส่วนคนดีก็เชิญเข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยด้วยกัน

ขณะที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ ส่วนที่เป็นห่วงว่าอนาคตอาจเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีกนั้น ต้องหามาตรการในการป้องกันตนเอง ทั้งนี้ตนได้สั่งการว่า หากยังไม่ชัดเจนกำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่ส่วนไหนที่มีอันตรายก็ยังไม่ให้กำลังพลรีบกลับบ้าน โดยให้ไปหาที่พักที่ปลอดภัยก่อนจนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย ทั้งนี้เราจะต้องดูแลอย่างเต็มที่และให้กำลังใจ ให้ความเป็นห่วง และกำชับกำลังพลเวลาเดินทางกลับไปพักที่บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องตามแก้ไขตราบใดที่ยังปฏิบัติการใช้กฎหมายปกติอย่างเต็มที่ โดยเราพยายามหลีกเลี่ยงการใช้กฎหมายพิเศษในเรื่องการใช้ความรุนแรงเพราะเกรงว่าจะเกิดความรุนแรงมากขึ้น แต่หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นก็ต้องใช้กฎหมายพิเศษให้เข้มงวดขึ้นในหลายข้อและหลายมาตรการ

“วันนี้กฎหมายพิเศษเราใช้อยู่ข้อเดียวคือการตรวจค้นจับกุม ส่วนปัญหาที่ผู้ก่อความไม่สงบแต่งกายเลียนแบบทหารนั้น เป็นปัญหาเดิมที่ต้องพยายามแก้ไขกัน แต่อย่าคิดว่ามันไม่ก้าวหน้า เพราะมันต้องก้าวหน้า แต่ถ้าเราทำสำเร็จเขาจะไปเริ่มต้นอีกอย่าง ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ อย่าไปให้เครดิตคนอื่นเขามากนัก ขอให้เชื่อมั่นในคนของเรา วันนี้ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ว่าทำได้ดีตรงที่ไม่ทำให้เหตุการณ์รุกลามบานปลายไปถึงสากล ลูกน้องเราเขาอดทน เสี่ยงอันตรายและทำหน้าที่ตาม ยุทธศาสตร์ทั้งหมด” ผบ.ทบ.กล่าว

เมื่อถามว่า อนาคตจะมีการจับตัวทหารไปเป็นตัวประกันและนำไปสังหารอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มี แต่หากสื่อถามมากอาจจะมีก็ได้ อย่าไปถามชี้ช่อง ผู้ก่อการร้ายไม่ได้จับได้ทุกที่ ตรงไหนที่เปลี่ยวและไม่มีเจ้าหน้าที่ เขาจะทำได้มากขึ้น ปัญหาอยู่ที่ว่าทำอย่างไรจะควบคุมพื้นที่ได้มากขึ้น ดังนั้นทหารต้องหลุดออกมาจากภารกิจเชิงรับให้มากขึ้น ซึ่งต้องมีการหารือกับตำรวจว่าจะทำอย่างไรจะรับเป้าหมายอ่อนแอไปดูแลได้บ้าง ซึ่งเราจะได้วางกำลังแบบยุทธวิธีทางทหารให้มากขึ้น ซึ่งจะต้องมีการปิดล้อมเมือง โดยต่างประเทศทำอย่างนี้เหมือนกันหมด ซึ่งจะมีการปิดกั้นเส้นทางห้ามเข้า-ออก แต่ประเทศไทยทำไม่ได้ เพราะเมื่อเราคิดและเสนอไปมีปัญหาทั้งหมด เพราะเกรงว่าจะไปละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ต้องเชื่อมั่น วันนี้ทหารและตำรวจทำงานดีมาก ยืนยันว่าไม่มีการไปทำนอกระบบ เพราะรู้ว่าถ้าทำผิดอะไรจะเกิดขึ้น วันนี้เราต้องสู้ในฐานะเจ้าหน้าที่และต้องเห็นใจเขา ส่วนทหารที่กลับบ้านระหว่างการไปพักนั้น ต้องดูแลตนเอง เพราะไม่สามารถส่งทหารไปช่วยดูแลได้ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเพียงพอ เนื่องจากจำนวนทหารที่กลับไปพักก็ทำให้สัดส่วนของทหารแต่ละฐานลดลงไป 1 ใน 3

“ทุกคนต้องดูแลตัวเอง และต้องเห็นใจทหารที่กลับไปพักเพราะเขาถืออาวุธไปไม่ได้ ไม่เหมือนกับบางประเทศ ถ้าเป็นโจรถืออาวุธได้ทุกที่ ส่วนการอุ้มฆ่าพลทหารครั้งนี้เป็นการแก้แค้นของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบหรือไม่นั้นยังไม่รู้ ต้องให้ทางหน่วยมีการตรวจสอบว่าใช่หรือไม่ ถ้าใช่เราต้องคิดอยู่แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป อย่างที่ผมเคยบอกว่า คนทำงานในพื้นที่อาจจะต้องทำงานกันคนละพื้นที่ นอกจากนี้จะต้องดูแลว่าช่วงนี้จะทำอย่างไรให้ปลอดภัย หรืออาจจะต้องหาที่อยู่ชั่วคราว ทั้งนี้กำลังพลจากกองทัพภาคที่ 1, 2 และ 3 ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเป็นกำลังนอกพื้นที่ เมื่อออกนอกพื้นที่ก็จะกลับไปพักที่บ้านจึงทำให้อันตรายลดน้อยลง ตราบใดที่เจ้าหน้าที่ยังมีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ และ ทหารอันตรายอยู่แล้ว ดังนั้นต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย เหตุการณ์รุนแรงลดน้อยลง เพราะเจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการและยุทธวิธีในพื้นที่มากมาย แต่ติดภารกิจในเชิงรับ เป้าหมายอ่อนแอ ถ้าลดภารกิจตรงนี้ได้กำลังเหล่านี้ก็จะมาดูแลอย่างอื่นได้” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

ด้าน พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่งเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของพลทหารที่เสียชีวิต และตนเตรียมลงพื้นที่พบกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย ทั้งนี้ขอให้ติดตามผลการสอบสวนการเสียชีวิต อย่าเพิ่งคาดเดากันไปก่อน อย่างไรก็ตามได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีความระมัดระวังและเข้มงวดในการปฏิบัติงานมากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น