“ยิ่งลักษณ์” หวังศาล ธรน.ชี้ทางออกให้ประเทศ หลังรัฐบาลผลักดันให้แก้ รธน.ผ่าน ส.ส.ร.แล้วทำไม่ได้ จึงหันมาใช้วิธีแก้รายมาตรา อ้างไทยกำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนต้องปรับปรุงกฎหมาย แนะคนที่ห่วงจะนำไปสู่การแก้ไขทั้งฉบับให้นำไปพูดกันในขั้น กมธ.เพื่อหาทางป้องกัน ยันรื้อ รธน.เพื่อประโยชน์ของประเทศ วงแตกเจอถาม ป.ป.ช.เตรียมตั้งอนุฯสอบ “ปู” ให้เงินกู้สามี 30 ล้าน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่ม 40 ส.ว.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเพื่อให้ระงับการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 68 และ 237 ว่า ตนหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ทางออกให้กับประเทศ เพราะวันนี้เรื่องข้อกฎหมายต่างๆ จะเห็นว่าหลายประเทศมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง การทำงานต้องมีการปรับปรุง และเชื่อว่าการทำให้กฎหมายนั้นเป็นประชาธิปไตยมีความยุติธรรมและเป็นไปตามหลักนิติธรรม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการที่จะสร้างความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม แนวทางออกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็หวังว่าจะมีทางออก เพราะว่าการแก้ไขโดยแนวทางที่จะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็ไปไม่ได้ ก็มาแก้รายมาตราแล้ว หวังว่าทางออกจะมีให้กับประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีการวินิจฉัยระงับการพิจารณาชั่วคราวจะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อยากขอว่าในส่วนของรัฐสภาน่าจะนำเอาปัญหาที่ทาง ส.ว.ที่มีการติดตามเรื่องสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญมาหารือกันในสภาเพื่อที่จะพูดคุยกันและหาทางออก มากกว่าการที่ใช้ข้อกฎหมายแล้วทางออกของประเทศเดินไม่ได้ เพราะวันนี้ทุกคนก็จะเห็นว่าทุกอย่างมันไม่สามารถที่จะเดินก้าวข้างหน้าได้ ขณะที่เราจะเตรียมตัวสู่ประชาคมอาเซียน ในหลายประเทศกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายทั้งนั้น และมีทางออกได้ แต่วันนี้ประเทศไทยเชื่อว่าทุกฝ่ายจะร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศ
ส่วนฝ่ายที่ออกมาคัดค้านมองกันว่า การแก้ไขแบบรายมาตราครั้งนี้จะนำไปสู่การแก้ไขทั้งฉบับ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ทุกอย่างมีกลไกอยู่แล้ว และทุกขั้นตอนมีสิทธิในการที่จะทักท้วงพูดคุยกัน เชื่อว่าเราอยู่ในสังคมที่พูดกันได้ สังคมประเทศไทยน่าจะมีเวทีในการพูด ที่บอกว่าจะไปแก้ทั้งฉบับนั้นวันนี้ก็เห็นอยู่แล้วว่าเรื่องตั้ง ส.ส.ร.ก็ยังไปไม่ได้เลย เราจะไปได้ถึงขนาดนั้นหรือไม่ตนก็มองอย่างนั้น ซึ่งในข้อกังวลก็น่าจะไปพูดคุยกันในชั้นของรัฐสภาหรือกรรมาธิการได้ ในการป้องกันข้อกังวลต่างๆ แต่ว่าสิ่งที่ควรจะเริ่มคือ คงต้องมองว่ากระบวนการต่างๆ ต้องให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชนที่จะทำตามภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลักใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ใช่ ทั้งหมดก็เห็นอยู่แล้ว ในการแก้ไขแต่ละมาตราก็ยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก และการพิจารณาก็พิจารณาจากทั้งสองสภาอยู่แล้ว ทุกคนมีส่วนในการร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะพิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เรื่องปล่อยเงินกู้ 30 ล้านบาทของนายกรัฐมนตรีนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวแต่อย่างใด จากนั้นได้เดินเลี่ยงเข้ารัฐสภาไปทันที
