“รองเหลิม” รับไฟใต้แก้ยาก คุยฝ่ายค้านตลอด อ้างติดตามจากสตช.ที่มี ศชต. นัดถก ศปก.กปต. 2 เม.ย. ชี้เหตุป่วนเพราะมีหลายกลุ่ม มั่นใจจะเบาลง ไม่ชัดเจน สมช.คุยตัวใหญ่โจรใต้ หรือไม่ ย้ำคำนายกฯ มาเลย์ ยังไงก็ตัวจริง ยันไม่ถอนทหาร แยกดินแดน แยกรัฐพิเศษ โวสภาถกกู้ 2 ล้านล้านลื่น ยันของดี ลั่น “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ไม่โดนเด้ง
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) กล่าวถึงการเจรจาระหว่างสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับตัวแทนจากกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่ประเทศมาเลเซียว่า การเจรจาบางภาคส่วนอาจมีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ตนได้คุยกับ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รอบสุดท้าย และทำบันทึกเหตุผลและตัวบุคคลที่จะเจรจากับไทย หากยังจำกันได้ตอนที่ตนได้รับมอบหมายงาน ตนบอกถ้าตนรู้ก่อนจะไม่รับเพราะมันยาก ตอนพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลยังแก้ไขไม่ได้ ตนจะมีบารมีอะไรแก้ แต่ถึงจะหนักก็ต้องหนักวิธีการ ตนถึงพยายามติดต่อกับฝ่ายค้านตลอด เพราะตอนนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ไม่ต้องไปเสียค่าน้ำมันเครื่องบิน รู้รายละเอียดตลอด ทั้งนี้ การเจรจาต้องว่ากันไป การทำงานต้องว่ากันไป งานของตนละเอียดเพราะติดตามตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะอาจมีบางกลุ่มที่ไม่ได้เข้าร่วมการเจรจา แล้วเกิดปฏิกิริยาสร้างความรุนแรงในพื้นที่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ขบวนการมีหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มยังตกลงกันไม่ได้ ยิ่งคนละกลุ่มนั้นไปไม่ได้เลย บางกลุ่มอายุมากอยากจะเจรจาเพื่อความปรองดอง ส่วนบางกลุ่มอายุน้อยยังนิยมความรุนแรง หากการเจรจาในเบื้องต้นได้แนวทางอย่างไร ตนบอกเลขาฯ สมช. แล้วว่าต้องรีบมารายงาน ศปก.กปต. เพราะการไปพูดคุยครั้งนี้รัฐบาลให้ความเห็นชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ไปเจรจา ฝ่ายนั้นบอกอะไรมาต้องนำมาแจ้ง อย่าไปกำหนดเงื่อนไข ต้องมาหารือฝ่ายความมั่นคง และกองทัพ และตนได้นัดประชุม ศปก.กปต.ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ เพื่อรับทราบ เพราะหากรู้เบื้องต้นในสิ่งที่ไปพูดคุยมาจะกำหนดทิศทางได้
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่ร้อนระอุเพิ่มขึ้นในพื้นที่ขณะนี้ ถือเป็นการต่อต้านในสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ระอุ ถึงไม่พูดคุยก็มีการก่อเหตุอยู่แล้ว แต่การอยู่เฉยไม่ดี เมื่อถามว่า แนวทางที่รัฐบาลทำอยู่มาถูกทางแล้วหรือไม่ และจะมีการทบทวนหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีทางเลือกอื่น ต้องทำแบบนี้ ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงตนเชื่อว่าจากนี้ต่อไปเหตุการณ์จะเบาลง เพราะดูตามสถิติที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุจะลงมือทำร้ายทั่วไป แต่พอเขาเสียมวลชนเลยเปลี่ยนเป้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ
เมื่อถามว่า บุคคลที่รัฐบาลกำลังพูดคุยอยู่ขณะนี้ถือว่าคุมกำลังในพื้นที่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้คุย เมื่อถามว่า หากยังไม่ทราบแล้วจะเป็นการเสี่ยงเกินไปที่จะยังคุยกับคนเหล่านี้ต่อ รองนายกฯกล่าวว่า บางเรื่องพูดไม่ได้ตอนนี้ เมื่อถามว่า คนที่รัฐบาลกำลังพูดคุยอยู่ขณะนี้ถือว่าเป็นหัวโจกหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลมาเลเซียทราบ ไม่ใช่ตน เพราะตนไม่มั่นใจ เมื่อถามว่า หากไม่ใช่หัวโจกแล้วการเจรจาจะได้ผลหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า “เอาน่า เผื่อจะดีกว่าเดิม” เมื่อถามว่า ขณะกำลังพูดคุยกับตัวแทนบีอาร์เอ็นจะต้องมีการป้องกันในพื้นที่เป็นพิเศษหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เตรียมพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์
เมื่อถามว่า ข้อเสนอเรื่องการให้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่เป็นสิ่งที่รัฐบาลสามารถยอมรับได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ จะไปถอนได้อย่างไร ต้องมาผ่านตน และตนขอนายกฯ แล้วหากมอบให้ทำต้องให้ตนตัดสินใจบ้าง ซึ่งตอนนี้ตนกำลังประเมินสถานการณ์หลังจากตัวแทนจากรัฐบาลไทยไปคุยแล้วแนวโน้มเป็นอย่างไร ตัวจริงตัวปลอม แต่ตนมั่นใจเพราะนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยอมลงทุนหมดหน้าตักว่าคนเหล่านี้ใช่ และผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลก็ยืนยัน เมื่อถามว่า มีเงื่อนไขในลักษณะใดบ้างที่รัฐบาลยอมไม่ได้ รองนายกฯ กล่าวว่า แบ่งแยกดินแดนไม่ได้ รัฐบาลต้องยอมตามขั้นตอน บ้านเมืองดีขึ้น สงบเรียบร้อยขึ้น ความปลอดภัยไว้ใจได้ จึงค่อยมาคิด และคุยกัน ส่วนหากจะมามอบตัวตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.ความมั่นคงก็มา ตนตัดสินใจเอง ส่วนหากจะนิรโทษกรรมต้องดูข้อหา หากจะช่วยคนผิดต้องดูญาติผู้เสียชีวิตด้วย ส่วนเรื่องเขตปกครองพิเศษก็ไม่ได้ จะพิเศษอย่างไรรัฐเดี่ยว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทว่า ตนคิดว่าการประชุมวันนี้ (28 มี.ค.) จะไม่มีความร้อนแรง เรียบร้อย พูดไปพูดมาตนยังกลัวไม่มีงานทำ กลัวไม่ได้อภิปราย เตรียมเอกสารมาเต็มกระเป๋าเลย แต่ยืนยันโครงการที่จะทำเป็นของดี อย่าไปห่วงฝ่ายค้านเพราะเขาวิพากษ์วิจารณ์ติชม เพราะการออก พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทไม่เคยมี เป็นครั้งแรกของประเทศไทย เป็นการเปลี่ยนแปลงแนวคิด แนวทาง และงบประมาณครั้งใหญ่ในระบอบประชาธิปไตย ฉะนั้น ทุกคนเห็นก็ตกใจ แต่เอาเข้าจริงกู้เพียงปีละ 3 แสนล้านบาท งานที่ทำต้องรายงานให้สภาทราบใน 120 วัน ไม่มี ไปทำโดยอัตโนมัติไม่ได้
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ว่า “จะย้ายไปไหนล่ะ ยังไม่มีใครเสนอ” ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ยังทำงานได้ดีอยู่หรือไม่ เพราะมีข่าวว่าจะให้ พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) มาแทน ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธว่า “ไม่มีใครมาเสนอผม”