“นพดล” อ้างลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-เขมรป้องดินแดน พร้อมสู้คดี ป.ป.ช.ฟ้อง

“นพดล” ไม่หวั่นถูก ป.ป.ช.ฟ้องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาขัดรัฐธรรมนูญ ม.190 อ้างเซ็นแถลงการณ์ร่วมฯ เพื่อปกป้องดินแดนไทย

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าการที่ ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องตนต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยกล่าวหาว่าสมัยเป็น รมว.ต่างประเทศ ตนเซ็นคำแถลงการณ์ร่วมโดยไม่ขอความเห็นชอบจากสภาฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้น ขอเรียนว่าความจริงเรื่องนี้อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องตนเพราะเห็นว่าตนไม่ได้ทำผิด หลังจากนั้น ป.ป.ช.ขอตั้งกรรมการร่วม มาจาก ป.ป.ช. และมาจากสำนักงานอัยการสูงสุด กรรมการร่วมก็ไม่ฟ้องอีก ท้ายที่สุด ป.ป.ช.ตัดสินใจฟ้องเอง โดยจ้างทนายจากสภาทนายดำเนินการ

นายนพดลกล่าวว่า ประเด็นของการฟ้องนั้น ป.ป.ช.ไม่ได้กล่าวหาว่าตนทำความเสียหายในเรื่องเขตแดน แต่กล่าวหาว่าตนไม่ได้ขอความเห็นชอบจากสภาฯ ก่อนลงนาม สาเหตุที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นไม่ทำเช่นนั้น เพราะว่ากระทรวงการต่างประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเห็นว่าคำแถลงการณ์ร่วมไม่เป็นหนังสือสัญญาและไม่มีบทบัญญัติเปลี่ยนแปลงอาณาเขต จึงไม่ใช่หนังสือสัญญาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ตนและรัฐบาลนายสมัคร จึงไม่เอาเข้าสภาฯ บทบัญญัติมาตรา 190 นั้นเขียนไม่ชัดเจน คลุมเครือ มีปัญหาในการตีความจึงมีการเสนอขอแก้ไขในสภาฯ ขณะนี้ ยิ่งกว่านั้นตนย้ำมาตลอดว่าคำแถลงการณ์ร่วมคือเอกสารที่ทำขึ้นเพื่อปกป้องพื้นที่ทับซ้อนไม่ให้กัมพูชานำไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ คำแถลงการณ์ร่วมทำให้กัมพูชายอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออกและขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทพระวิหาร ซึ่งตกเป็นของเขาตามคำตัดสินศาลโลกใน พ.ศ. 2505 น่าเสียดายที่คำแถลงการณ์ร่วมเป็นของดีที่มีคนทำให้เป็นของเสียไปแล้ว

“ผมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและศาล ผมจะต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เพราะผมไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและไม่เคยมีเจตนาทำให้ใครเสียหาย มีแต่เจตนาที่ดีต่อประเทศ สิ่งที่ผมทำนั้นเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เพราะผมปกป้องดินแดน”