โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ห่วงหมอกควันถล่มแม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ สั่งใช้กฎหมายเข้ม เล่าเยือนแดนกีวีเชิญคนเลี้ยงวัวสอนคนไทย จี้ พณ.ประสานบิ๊กห้างส่งออกผลไม้ 7 แสนตัน พร้อมถกเที่ยวปาปัวนิวกีนี ปัดไปคุยซื้อก๊าซ บอก 3 มหาอำนาจเอาไปหมดแล้ว ชูขยายตลาดข้าว
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ก่อนเริ่มเข้าสู่การประชุม ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยในเรื่องของปัญหาภัยแล้งและหมอกควันโดยได้มอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรายงานสถานการณ์ปัญหาหมอกควันให้นายกฯ ทราบว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านพบว่าปัญหาหมอกควันที่ผ่านมามีความรุนแรงขึ้นใน จ.เชียงใหม่ และ จ. แม่ฮ่องสอน ซึ่งในที่ประชุมได้มีความเห็นร่วมกันที่จะใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น
นพ.ทศพรกล่าวว่า นอกจากนี้ นายกฯได้กล่าวถึงการเยือนประเทศนิวซีแลนด์ว่านอกจากผลไม้ กีวีที่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของนิวซีแลนด์แล้วยังพบว่านิวซีแลนด์ยังสามารถเลี้ยงโคและวัวโดยใช้คนเพียง 3 คนในการเลี้ยงโคและวัวจำนวน 15,000 ตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่ประเทศไทยยังไม่สามารถทำได้ รัฐบาลจึงได้ตกลงร่วมกันในส่งผู้เชี่ยวชาญในการเลี้ยงโควัวมาสอนประชาชนคนไทยอีกด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินส่งออกผลไม้ไทย 600,000 ถึง 700,000 ตัน โดยประสานกับผู้ค้ารายใหญ่ห้างสรรพสินค้าในเรื่องของการดูแลเรื่องการจัดจำหน่าย ส่วนประเทศปาปัวนิวกินีได้มีการตกลงร่วมกันในเรื่องของการท่องเที่ยวเนื่องจากประเทศปาปัวนิวกินีมีชนเผ่ากว่า 800 เผ่าและมีภาษา ตั้ง 800 ภาษา และยังมีแหล่งท่องเที่ยวดั้งนั้นรัฐบาลไทยและปาปัวนิวกินีจึงร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมีการเพิ่มเที่ยวบินจากประไทยไปยังประเทศปาปัวนิวกินีมากขึ้น ด้านสาธารณสุขรัฐบาลไทยได้เสนอการตรวจสุขภาพโดยให้ประชาชนชาวปาปัวนิวกินีสามารถเดินทางมาตรวจรักษาที่ประเทศไทยซึ่งเขาก็ให้ความสนใจ พร้อมกันนี้นายกฯยังได้เชิญผู้นำของปาปัวฯมาร่วมประชุมสุดยอดเรื่องการบริหารจัดการน้ำในช่วงเดือนพ.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม นพ.ทศพรยังได้แถลงตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ กรณีกล่าวหาว่าการเดินทางไปเยือนปาปัวนิวกินีของนายกฯ เพื่อไปเจรจาขอซื้อก๊าซโดยมีการหาผลประโยชน์ล่วงหน้าซึ่งเชื่อมโยงกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้นว่า เดิมที่ประเทศปาปัวนิวกินีสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้วันละ 70,000 ตันต่อวัน แต่ปัจจุบันผลิตได้เพียงวันละ 30,000 ตันต่อวัน จึงไม่เพียงที่จะนำไปทำอะไร ส่วนเรื่องก๊าซธรรมชาติเหลวแอลเอ็นจีนั้น ทางสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีนได้ตกลงเรื่องสัมปทานกันหมดแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการลงทุนกว่า 1.5หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ดั้งนั้นเรื่องที่กล่าวหาว่ารัฐบาลเดินทางไปเพื่อเจรจาเพื่ออะไรบ้างอย่างนั้นจึงไม่เป็นความจริง
นพ.ทศพรกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่รัฐบาลได้ไปตกลงกับประเทศปาปัวนิวกินีนั้นคือเรื่องการขยายตลาดข้าว ที่ปัจจุบันมีการนำเข้าข้าวไทยกว่า 150,000 ตัน ซึ่งได้มีการตกลงร่วมกันที่จะขยายการส่งออกพร้อมทั้งมีการสอนวิธีการปลูกข้าวในประเทศปาปัวนิวกินีซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถปลูกเองได้ยังคงต้องสั่งนำข้าวจากไทยไปก่อนส่วนเรื่องอาหารทะเลก็ได้มีการตกลงร่วมกันที่จะเปิดตลาดอาหารทะเลในประเทศปาปัวนิวกินีเนื่องจากเป็นตลาดอาหารทะเลที่สามารถส่งออกไปอเมริกาโดยไม่ต้องเสียภาษี