xs
xsm
sm
md
lg

“ยะใส” อ่านเกม รบ. กู้ 2 ล้านล้าน รับนโยบายเลือกตั้ง ขู่ฝืนดันเจอ ป.ป.ช.สอย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน(แฟ้มภาพ)
“สุริยะใส” เชื่อทักษิณสั่งรวบรัดเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท หวังยุบสภาหาเสียงขอกลับมาคุมเงิน เหตุรัฐบาลหมดมุก “ยิ่งลักษณ์” ส่อตกเก้าอี้ ฟันธง พ.ร.บ.เงินกู้ฯ ขัด รธน. และ ครม.ความผิดสำเร็จเตรียมส่งเรื่อง ป.ป.ช.เอาผิด ซัดไม่เปิดให้ ปชช.มีส่วนร่วม ย้อนกู้จัดการน้ำส่อมีปัญหา

วันนี้ (24 มี.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) ระบุถึงร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลเตรียมรวบรัดเข้าที่ประชุมสภาฯ ในวันที่ 28-29 มี.ค. นี้ ส่อเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์หมกเม็ด และเอาเรื่องการลงทุนและการพัฒนาประเทศมาเป็นข้ออ้างต่อประชาชน ทั้งที่เงินกู้จำนวน 2.2 ล้านล้านบาท เป็นภาระผูกพันกับคนไทยทั้งประเทศ 64 ล้านคน ต้องแบกรับหนี้สินไป 50 ปี รัฐบาลจึงควรทำเรื่องนี้ให้โปร่งใส ให้ประชาชนมีส่วนร่วม เช่น อาจจะจัดประชาพิจารณ์ หรือรับฟังความเห็นอย่างกว้างขวาง นักการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ประชาชนต้องแบกรับผลกระทบไปตลอดชีวิต

นายสุริยะใส เผยต่อว่า เงินก้อนมหึมาดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนฉุกเฉินที่ต้องออกเป็นกฎหมายพิเศษ หรือไปรื้อทิ้ง และฉีกกระบวนการจัดการงบประมาณประจำปีที่มีระบบถ่วงดุลตรวจสอบดีกว่านี้ ซึ่งถือเป็นการรัฐประหารทางการเงิน ที่สำคัญการลงทุนระบบลอจิสติกส์ของประเทศที่รัฐบาลยกมาอ้างนั้น ก็ต้องศึกษาความเป็นไปได้ ความคุ้มค่า ค้มทุน และผลกระทบต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อมตามรัฐธรรมนูญอยู่ดี ไม่ใช่จะดำเนินการก่อสร้างได้ง่ายๆ ฉะนั้น ข้ออ้างจำเป็นเร่งด่วนจึงฟังไม่ขึ้น เช่นเดียวกับโครงการบริหารจัดการน้ำ ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 350,000 ล้านบาท ที่กู้โดยอ้างความจำเป็นเร่งด่วนก่อนหน้านี้ ก็กำลังมีปัญหาทีโออาร์ เพราะบริษัทเอกชนที่ผ่านการประมูลส่วนใหญ่ไม่พอใจในเงื่อนไขที่เอกชนต้องแบกรับภาระความเสี่ยงต่อปัญหาความขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่จากการเจรจาเวนคืนที่ดิน การศึกษาผลกระทบชุมชนสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจทำให้โครงการล่าช้ากว่ากำหนด และกลายเป็นภาระของเอกชนผู้ประมูลโครงการในที่สุด

นายสุริยะใส เผยอีกว่า อาการรวบรัดจะเอาให้ได้ของรัฐบาลโดยเฉพาะใบสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น อาจเป็นไปได้ว่าต้องการให้ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านสภาฯ โดยเร็วแล้วประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่ โดยชูนโยบายขอกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งเพื่อคุมเงิน 2.2 ล้านล้านบาทเพื่อการพัฒนาประเทศ เพราะจุดขาย หรือนโยบายเดิมส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องหาจุดขายใหม่ และยังไม่มีความแน่นอนเรื่องเก้าอี้นายกฯ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีเงินกู้ 30 ล้านบาท ซึ่งจะหาทางออกกับ ป.ป.ช.ว่าเป็นกรณีบกพร่องโดยสุจริต เหมือนกรณีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนหน้านี้คงเป็นไปได้ยาก

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลดันทุรัง ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คงถูกนำขึ้นไปวินิจฉัยในศาลรัฐธรรมนูญ และ ครม.อาจถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะมติ ครม.อนุมัติร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาททั้งๆ ที่รู้ดีว่าขัดรัฐธรรมนูญ และเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน ก็ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จที่ ครม.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบร่วมกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น