นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ-ตำรวจหัวเรือใหญ่ปราบยาเสพติด “เฉลิม” ทำแข็งอ้างมีการเบิกจ่ายงบประมาณบำบัดฯ จาก ป.ป.ส.ในภาพร่วมแค่จิ๊บจ๊อย เจอผู้ว่าฯ หักหน้าแจงเบิกจ่ายบำบัดฯ จากส่วนอื่นด้วย รมณ์บ่จอยเจอผู้ว่าฯ เชียงรายไม่อยู่ให้เอาหน้า ส่งปลัดมาแทน ขู่ฟ้องนายกฯ ยัดข้อหาบกพร่อง
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์การพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ผอ.ศพส.) นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ และนายชลน่าน ศรีแก้ว รมช.สาธารณสุข กล่าวมอบนโยบายในการประชุม 6 เดือนเร่งรัดปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ให้กับเจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ระดับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 76 จังหวัด และแม่ทัพภาคที่ 1-4
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า การทำงาน 6 เดือนจากนี้ การแก้ปัญหาต้องลงไปในระดับชุมชน ผู้ว่าฯจะต้องเป็นหัวเรือใหญ่ทำงานร่วมกับผู้บังคับการจังหวัด ร่วมกับท้องถิ่น กระทรวงการต่างประเทศสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ขณะที่กระทรวงมหาดไทยกับกองทัพ เฝ้าระวังทุกจุดผ่านแดนในด่านต่างๆ ป้องกันการทะลักเข้าประเทศ ส่วนเรื่องของการบำบัด กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กับทาง ศพส.ต้องบูรณาการข้อมูลเพื่อให้ได้ตัวเลขที่ชัดเจน เข้มงวดเวลาเปิด-ปิดสถานบันเทิงและสถานบริการต่างๆ ป้องกันเป็นแหล่งค้าขายยาเสพติด
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวมอบนโยบายว่า ที่ผ่านมาการปราบปรามยาเสพติดไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายปกครอง โดยเฉพาะเรื่องการบำบัด มีการเบิกจ่ายงบประมาณในภาพร่วมแค่ 15% เพราะถ้ามีการจับกุมได้มาก แต่ไม่มีการบำบัด เท่ากับการปราบปรามยาเสพติดไม่เป็นผล มีเงินให้ใช้แต่ไม่ใช้ ฝ่ายปกครองทำงานแบบอ่อนซ้อม การทำงานร่วมกันอยากให้ทุกฝ่ายทำเต็มที่ เพราะที่ผ่านมาทหารและตำรวจทำงานเต็มที่ ต้องมองว่าเราเป็นพรรคเดียวกัน เพราะ รมว.มหาดไทย เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาเข้าใจว่าไม่มีอำนาจสั่งฝ่ายปกครองได้ แต่วันนี้ตนได้รับมอบอำนาจจากนายกฯ ปราบปรามยาเสพติด จากนี้ไปถ้ามีการประชุมยาเสพติด ผู้ว่าฯ ต้องมาประชุมทุกครั้ง ยกเว้นติดภารกิจรับเสด็จฯ หากผู้ว่าฯ คนไหนไม่มา ไม่ใส่ใจ จะรายงานนายกฯ
จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้ให้ผู้ว่าฯ เชียงราย กล่าวรายงานการเบิกใช้งบบำบัดฯ แต่ปรากฏว่า ผู้ว่าฯ เชียงรายได้มอบหมายปลัดจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมประชุมแทน ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่พอใจ พร้อมกับกล่าวตำหนิว่าผู้ว่าฯ เชียงราย ไม่ใส่ใจ มีเงื่อนไขตลอด รู้ว่าตำหนิอย่างนี้ทำให้เสียคะแนนเสียง แต่ถ้าไม่พูดงานไม่เดิน ทั้งที่ผู้ว่าฯ ต้องเป็นแม่ทัพในการแก้ไขปัญหา ขณะที่ทางผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา และผู้ว่าฯ นครปฐม ได้โต้แย้งกรณีการเบิกจ่ายงบประมาณว่า งบที่เกี่ยวกับการบำบัดไม่ได้มีเฉพาะงบของ ป.ป.ส.เท่านั้น ยังมีงบจากส่วนอื่นด้วย ดังนั้นต้องไปดูในภาพรวม ไม่ใช่ดูแต่งบ ป.ป.ส.เท่านั้น
ต่อมา ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ได้มีการตำหนิผู้ว่าฯ ในการเบิกจ่ายงบบำบัดผู้เสพยาเสพติดไม่เป็นไปตามเป้าหมายว่า เป็นเพราะ ป.ป.ส.ได้รายงานว่าแต่ละจังหวัดมีการเบิกงบไม่ถึงร้อยละ 20 ทั้งที่ผ่านไปกว่า 6 เดือนแล้ว แม้การปราบปรามดี แต่การบำบัดรักษาไม่ดี ตัวผู้ว่าราชการจังหวัดจะมีบุคลิกที่จะรับฟังแต่ รมว.มหาดไทย แต่สิ่งที่ตนพูดไปไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง รวมถึงไม่ได้บอกว่าผู้ว่าฯ เอาเงินไปใช้ แต่ผู้ว่าฯต้องเอาเงินไปทำงาน การแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการบำบัดรักษา ถ้าผู้ว่าฯให้ความร่วมมือน้อย รัฐบาลแก้ปัญหาลำบาก เพราะการบำบัดรักษาเป็นอำนาจของผู้ว่าฯ เพราะสามารถเรียกผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ มาได้ เป็นหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด และจะไม่มีการคาดโทษอะไร เพราะลงโทษไม่ได้ แต่จะฟ้องนายกฯ ว่ามีความบกพร่องอย่างไร ส่วนที่ตนได้พูดถึงลูกน้องหน่อคำ ราชายาเสพติดในห้องประชุมนั้น เนื่องจากมีรายงานว่าได้พักรักษาตัวอยู่ใน จ.เชียงราย ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีหมายจับของจีนหรือไม่ โดยเบื้องต้นทราบว่าเป็นชาวไทยใหญ่ หากมีหมายจับก็จะขยายผลต่อไป