xs
xsm
sm
md
lg

ส.ว.สวดยับตอบโจทย์ฯ ย่ำจิตใจคนไทย หมิ่นสถาบันออกสื่อ จี้ฝ่ายเกี่ยวข้องจัดการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(แฟ้มภาพ)
“ตรึงใจ” หนุน TPBS ทำถูก แบนตอบโจทย์ฯ ยกกษัตริย์ไทยทรงกอบกู้ชาติ สร้างความเจริญ ช่วยเหลือ ปชช. สมควรเทิดทูน “เจตน์” ซัดปมคอร์รัปชัน ความไม่สงบ มีแต่ไม่พูด กลับปล่อยจาบจ้วงทำแตกแยก ปลุก ปชช.ร้อง ชี้เจตนาไม่ดีต่อสถาบันฯ ชัด “วันชัย” ตอกหาเห็บใส่หัว รบ.ซวย “เลิศฤทธิ์” จี้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินคดี “พรพันธุ์” จวกผิด ม.112 ชัด สะกิดผู้บริหารรับเงิน ปชช.ต้องรับผิดชอบสังคม

วันนี้ (18 มี.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ช่วงหารือนั้น น.ส.ตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขอขอบคุณสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่งดรายการตอบโจทย์ประเทศไทย ซึ่งออกอากาศในวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ตนได้ดูรายการดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 และ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเฉพาะคนที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ที่ต้องสอนลูกศิษย์อีกมาก หากมีแนวคิดดังกล่าวแล้วไปถ่ายทอดให้ศิษย์เชื่อว่าจะสร้างแนวคิดใหม่ให้เยาวชนไทย และเป็นอันตรายต่อประเทศอย่างยิ่ง สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยต่างจากกษัตริย์ประเทศอื่น เรามีแผ่นดินอิสระ มีความสุข เพราะกษัตริย์พระองค์ก่อนๆ ทรงกอบกู้ชาติ พร้อมทั้งสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่แผ่นดิน และพระเจ้าแผ่นดินองค์ปัจจุบันทรงช่วยเหลืออาณาประชาราษฎร์ด้วยโครงการพระราชดำริมากมาย พระองค์ท่านเสด็จฯ ไปเยี่ยมดูความเป็นอยู่ของประชาชนในถิ่นทุรกันดาร แม้ในจังหวัดนราธิวาส ที่ถือว่าไม่ปลอดภัย สมเด็จพระนางเจ้าฯ และเจ้าฟ้าได้เสด็จตามไปด้วย

น.ส.ตรึงใจกล่าวต่อว่า โครงการผ้าทอไทยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้รับการส่งเสริม พัฒนาโดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และมูลนิธิสายใจไทยไม่ต้องไปกู้เงิน หรือใช้เงินภาษีอากรของประชาชนเช่นปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งมูลนิธิชัยพัฒนา ใช้เงินบริจาคของผู้ที่สามารถบริจาคได้มาทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติด้วยความจริงใจ ไม่ต้องใช้วิธีประชานิยม เรากราบพระ พ่อแม่ได้ ทำไมเราจะกราบพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ ตนคิดว่าเป็นภาพที่สวยงามและภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย เป็นเอกลักษณ์ของประเทศ พระราชดำรัสของพระองค์ท่านมีแง่คิดและเป็นประโยชน์ เป็นข้อเท็จจริงไม่มีการสร้างภาพหรือใส่ร้ายใคร พระองค์ท่านรักประชาชนทุกคนไม่เลือกข้าง อย่าได้คิดลดพระราชอำนาจของพระองค์เหลือเพียงสัญลักษณ์เหมือนกับประเทศอื่น

ส่วน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสทำรายการตอบโจทย์ประเทศไทย ตอนสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรมนูญ มีนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายสุลักษณ์ ศิวลักษณ์ นักวิชาการมาร่วมดีเบต เป็นรายการทีเหยียบย่ำจิตใจและสร้างความโกรธแค้นคนไทยที่ได้ดูรายการดังกล่าวอย่างมาก ตนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนำวิทยากร 2 คนดังกล่าวมาวิพากษ์สถาบันกษัตริย์ที่คนไทยให้ความเทิดทูนออกรายการฟรีทีวี ไม่มีเรื่องอื่นๆ หรืออย่างไร ปัญหาโครงการจำนำข้าว ปัญหาความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, ปัญหาโครงการ 2.2 ล้านล้านบาท ที่จะเลี่ยงวิธีการงบประมาณปกติ, ปัญหาของ ปตท.ที่เป็นต้นเหตุทำให้น้ำมันแพงทำไมไม่สนใจ และตลอดรายการที่มีการจาบจ้วงสถาบันอย่างมาก วิทยากรพูดถึงแต่ความคิดของตนเอง ไม่คิดถึงความคิดของคนอื่น ประชาชนทั้งประเทศที่อยู่อย่างมีความสุข

นพ.เจตน์กล่าวต่อว่า วิทยากรบอกว่าสถาบันไม่เป็นประชาธิปไตย วิทยากรอ้างถึงประเทศอังกฤษ ทั้งที่บริบทของไทยและอังกฤษต่างกัน ตนมีความเห็นว่า ผอ.สถานีฯ ต้องรับผิดชอบต่อการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และโจมตีองคมนตรี ร่วมกับคณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการบริหารที่อนุมัติรายการโดยให้ประชาชนเสนอเรื่องผ่านอนุรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ตามมาตรา 46 กรณีขัดต่อข้อบังคับจริยธรรมของวิชาชีพตามมาตรา 42 ของกฎหมายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 2. เจตนารมณ์ที่นำคนทีต้องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาออกอากาศติดต่อถึง 3 วัน และมีการดีเบตวันที่ 4 และนำคนที่ต้องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทั้ง 2 คนมาออกอากาศทั้งที่ควรเป็นผู้ที่เห็นต่างแทนเพื่อความสมดุล แสดงถึงเจตนาของผู้จัดรายการที่แอบแฝงอยู่เบื้องหลัง 3. สถานีฯ ไม่ควรใช้เงินภาษีของประชาชนปล่อยให้รายการที่สร้างความขัดแย้งกับประชาชนส่วนใหญ่ แต่เป็นความต้องการของคนไม่กี่คนมาออกอากาศโดยเฉพาะเรื่องสถาบันที่กระทบต่อจิตใจคนไทยทั้งชาติ และ 4. ขอให้ กสทช.ต้องแก้ไขปัญหาการยุติการออกอากาศกระทันหัน ทั้งในเรื่องดังกล่าวและละครเหนือเมฆ 2 ต้องให้เป็นความรับผิดชอบของผู้ตรวจพิจารณาก่อนออกอากาศ

ด้านนายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา กล่าวว่าสถานีไทยพีบีเอสที่ใช้เงินภาษีอากรของประชาชนไปทำรายการต้องรอบคอบ รัดกุม อย่าคิดว่าเอาภาษีประชาชนไปสนองความรู้สึกความต้องการของกลุ่มคนใดคนหนึ่ง หรือคณะบุคคลใดคณะหนึ่งโดยเฉพาะ ตนอยากถามคณะกรรมการและผู้บริหารไทยพีบีเอสว่าไม่มีรายการอะไรหรือคิดรายการอะไรไม่ได้แล้วหรือ รู้หรือไม่ว่าทำรายการแบบนี้เป็นประโยชน์อะไรต่อใคร หรือก่อสติปัญญาตรงไหน มีแต่การก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม และทำให้รัฐบาลโดนด่าฟรีๆ ทั้งที่รัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้องคนทำหาเรื่อง หาเหาให้รัฐบาลไปเปล่า และสถานีก็เสียหาย ทำให้ประชาชนเข้าใจภาพลักษณ์ของสถานีผิด อย่าคิดว่าทำรายการแบบนี้แล้วดูก้าวหน้า ดูทันสมัย หรือดูเท่ ตนมองว่าหาเหาใส่หัวยังดีพอว่า แต่กรณีนี้เป็นการหาเห็บใส่หัว

ส่วน พล.อ.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่าประเด็นรายการตอบโจทย์ประเทศไทย ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 14 มี.ค. พบว่ามีเนื้อหาก้าวร้าว ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง รวมถึงพาดพิงกล่าวถึงองค์พระกษัตริย์ เสนอแนะให้วางพระองค์ให้สมควรในลักษณะต่างๆ รวมถึงเรียกร้องให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ให้การคุ้มครององค์สถาบันและความมั่นคงของชาติ กรณีที่เกิดขึ้นตนฐานะเป็น ส.ว.และเป็นคนไทย ที่ต้องปฏิบัติและยึดถือกฎหมายส่วนที่เกี่ยวกับองค์พระมหากษัติย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการล่วงละเมิดดังกล่าว เห็นว่าทาง องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย, กสทช. และคณะกรรมการวิทยุกระจายเสียงเพื่อเผยแพร่สาธารณะ ควรเข้าไปตรวจสอบ ควบคุม และพิจารณาโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะจำเลยคนแรกคือสถานีโทรทัศน์ที่อนุมัติให้ดำเนินการออกอากาศได้ ส่วนผู้ร่วมรายการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สตช.และดีเอสไอ เร่งตรวจสอบ ดำเนินคดีต่อผู้ดำเนินรายการ และผู้ให้สัมภาณ์ด้วยข้อหาดูหมิ่น หมิ่นประมาท และกล่าวร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นความผิดทางกฎหมาย ผู้รักษากฎหมายต้องดูแลและรักษาให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ในกฎหมาย ตนขอให้ปธ.วุฒิสภา แจ้งและดำเนินการต่อไป เพราะไทยพีบีเอสรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลปีละ 2,000 ล้านบาท

ขณะที่นางพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เนื้อหาของรายการตอบโจทย์ฯ ตอนสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ เข้าข่ายทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะมีการกล่าวถึงพระราชดำรัสอย่างไม่บังควร และปราศจากความเคารพ ดังนั้น ตนขอหารือไปยังผู้บริหารไทยพีบีเอสที่ใช้เงินภาษีประชาชนในการดำเนินการ ว่าควรมีนโยบายหรือดำเนินรายการให้ตรงต่อวัตถุประสงค์ และแสวงหาคำตอบให้สังคมไทย เช่น โครงจำนำข้าวที่มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ที่สร้างหนี้ให้ประเทศ, พฤติกรรมของผู้บริหารที่เสี่ยงเสียอำนาจหรือดินแดน เพราะเรื่องดังกล่าวนั้นถือว่าสำคัญกว่าการแก้ไขมาตรา 112 ที่กระทบคนเพียง 482 คน การไม่แก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้ทำให้ชาติล่มจม ตนไม่เข้าใจว่าความเป็นนักวิชาการทำไมเรื่องธรรมดาเหล่านี้ถึงไม่เข้าใจ หรือเป็นเจตนาแอบแฝงที่จะล้มสถาบัน


กำลังโหลดความคิดเห็น