“สุลักษณ์ ศิวรักษ์” เผยเสียใจที่ไทยพีบีเอสระงับเทปตอบโจทย์ ชี้จุดยืนประชาธิปไตยต้องความใจกว้าง แต่เคารพการตัดสินใจ ร้อง ผอ.ไทยพีบีเอสควรกล้าหาญทางจริยธรรม แนะคุย “ภิญโญ” หาทางออก “สมศักดิ์ เจียมฯ” โวยต้นตอ “ม็อบคนรักเจ้า” บุกสถานี แต่เชื่อคนในแทรกแซง
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป สวนเงินมีมา ซอยเจริญนคร 22 ถนนเจริญนคร เขตคลองสาน นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ กล่าวถึงกรณีที่สถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส ถอดเทปรายการ “ตอบโจทย์ประเทศไทย” ตอน “สถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ” ตอนที่ 5 ว่า ตนรู้สึกเสียใจ เพราะรายการทั้งหมดโดยเฉพาะที่ตนพูดกับนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พูดเต็มที่ไม่มีเซ็นเซอร์ และที่ตัดออกไปเป็นการขมวดทั้งหมด จุดยืนประชาธิปไตยต้องมีความใจกว้าง นายสมศักดิ์ไม่เห็นด้วยกับตน ตนไม่เห็นด้วยกับนายสมศักดิ์ ก็พูดกันอย่างเป็นมิตร นี่คือหัวใจของประชาธิปไตย และ เกี่ยวโยงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อน
ทั้งนี้ ถ้าออกอากาศไปถือเป็นเกียรติของไทยพีบีเอสมาก ทั้งนายภิญโญ ไตรสุริยะธรรมา ผู้ดำเนินรายการ และนายสมศักดิ์ก็ยอมมรับว่าไม่เคยมีการพูดจากว้างขวางมีเหตุผลมาก รอบคอบถึงเพียงนี้ แต่เสียดายที่ตัดออกไป แต่ตนก็เคารพ ทั้งนี้ นายสมชัย สุวรรณบรรณ ผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ก็เคยทำงานที่สถานีโทรทัศน์บีบีซี ประเทศอังกฤษ ควรกล้าหาญทางจริยธรรมมากกว่าที่เป็นอยู่ และยิ่งอ้างว่ามีคนมาประท้วงนี่คือประชาธิปไตย แต่หากมีคนกระซิบหรือมีใครโทรศัพท์มาตนรับไม่ได้ จะให้พวกนี้มีอำนาจเหนือสื่อกระแสหลักซึ่งเป็นภาษีประชาชนและมีจุดยืนทางจริยธรรมถือว่าล้มเหลวอย่างน่าเสียดาย
“ถ้าผู้บริหารมีจิตสำนึกน่าจะเชิญนายภิญโญมาพูดดีๆ หาทางออก หวังว่าไทยพีบีเอส จะยอมรับความผิดพลาดและแก้ตัว ซึ่งผมพร้อมให้อภัย” นายสุลักษณ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การถอดรายการครั้งนี้มีแรงกกดดันหรือไม่ นายสุลักษณ์กล่าวว่า หากมีแรงกดดันจากภายใน ซึ่งไทยพีบีเอสเองก็มีคณะกรรมการน่าจะนำเรื่องเข้าคณะกรรมการบริหาร แต่ที่ตนทราบคือตัดสินก่อนออกอากาศ 5 นาที แสดงว่าฉุกเฉินว่าจึงไม่รู้ว่ามีใบสั่งจากใคร ตนไม่รู้ แต่ระบบใบสั่งควรเลิกได้แล้ว เมื่อถามว่าหลังจากรายการถูกถอดได้คุยกับนายภิญโญหรือไม่ นายสุลักษณ์กล่าวว่า ได้คุยกับเลขาฯ ซึ่งบอกว่าจะเดินทางมาร่วมงานในวันนี้ ตนก็จะมาคุยกัน แต่เขาก็เปลี่ยนใจ ตนเข้าใจ เขาคงเสียใจและไม่พร้อมที่จะพูดคุย
ด้านนายสมศักดิ์กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับนายภิญโญและทีมงาน พร้อมทั้งขอแสดงความนับถือ โดยเรื่องทั้งหมดที่นำไปสู่การยุติรายการเริ่มจากแรงกดดันจากคนกลุ่มหนึ่งที่อ้างตัวว่ารักเจ้าไปแสดงความเห็นที่ไทยพีบีเอส การแสดงความเห็นเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะมีคนเพียง 20-30 คน แต่สาเหตุจริงๆ มาจากผู้บริหารไทยพีบีเอส เพราะช่วงบ่ายตัดสินใจว่าจะฉายต่อ แต่ก่อนออกอากาศก็มีบรรณาธิการ 2-3 คน ไปยืนยันว่าต้องระงับการฉาย และตนรู้สึกผิดหวังกับการทำงานของนายสมชัยเพราะทำงานที่บีบีซีมานาน และการพูดในรายการก็อยู่ในกรอบของกฎหมายหมด ไม่มีเนื้อหาที่เป็นปัญหากับกรอบกฎหมาย
ส่วนที่อ้างเรื่องความปลอดภัยของพนักงาน ตนมองว่าจะเป็นปัญหาได้อย่างไร เพราะหากรู้สึกว่าเหลือบ่ากว่าแรงก็เรียกตำรวจมาดูแลได้ สิ่งที่ต้องตั้งคำถามคือ เจ้าหน้าที่ระดับสูงคือ น.ส.ณาตยา แวววีรคุปต์ นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ และ น.ส.ณัฏฐา โกมลวาทิน โดยเฉพาะนายเสริมสุขที่เจาะจงถึงตนซึ่งเป็นเรื่องตลกและน่าเศร้าที่ระดับบรรณาธิการไม่เข้าใจถึงการแสดงความเห็นที่แตกต่าง และเป็นสิทธิพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าเชิญตน แต่นายภิญโญ ในฐานะสื่อมวลชนก็เป็นเรื่องปกติที่จะมาเชิญตนออกรายการและเชิญคนที่เห็นต่างได้ ซึ่งความผิดพลาดอยู่ที่ฝ่ายบริหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งไม่เข้าใจการเป็นสื่อมวลชนในโลกสมัยใหม่ สังคมไทยจึงน่าเป็นห่วงมาก
เมื่อถามว่า มีคนอื่นมาแทรกแซงเรื่องการยุติรายการด้วยหรือไม่ คงไม่มีใครมาแทรกแซง เป็นคนในแวดวงไทยพีบีเอสเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (17 มี.ค.) มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ร่วมกับนิตยสารปาจารยสาร ป๋วยเสวนาคาร สถาบันสันติประชาธรรม เสมสิกขาลัย ได้จัดงาน “สังคมสยามตามทัศนะของปัญญาชนไทย หมายเลข 10” โดยนายสุลักษณ์ และจัดการเสวนาบทสามัคคีวิจารณ์ เพื่อก้าวต่อไปของสังคมไทย โดยมีนายสมศักดิ์ พร้อมด้วยนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ตามกำหนดการนายภิญโญจะเดินทางมาเป็นพิธีกรในช่วงดังกล่าว แต่ภายหลังกลับไม่ได้เดินทางมา