หน.ปชป.ยัน เตือน รบ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านด้วยความจริงใจ ปัดตัดขา เหตุชาติเสี่ยงเสียหาย ชี้ลดประชานิยมเหลวก็ไม่ต้องกู้ ติงไม่คุ้มแลกหนี้ 50 ปี เชื่อฝืนไปขัด รธน. ไม่หวั่น รบ.ขุดโครงการมิยาซาว่า ยุค “ชวน” โจมตี ปชป.
วันนี้ (15 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังความเห็นของหลายฝ่ายที่ออกมาท้วงติงการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทว่าจะทำให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะตามมา เพราะสมมติฐานหลายอย่างของรัฐบาลไม่น่าจะเป็นจริง เช่น กรณีโครงการจำนำข้าวที่ระบุว่าหลังปีหน้าเป็นต้นไปจะไม่มีภาระเพิ่มเติมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ยกเว้นแต่จะยกเลิกโครงการ ไม่เช่นนั้นทุกปีจะต้องขาดทุนเนื่องจากซื้อข้าวแพงมาขายถูก ทั้งนี้ ตนเห็นว่าหากหนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้นในขณะที่ยังวางใจเศรษฐกิจโลกไม่ได้ ถ้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบ ขณะที่สัดส่วนหนี้พุ่งสูงขึ้น คนสูญเสียความเชื่อมั่น สภาพที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยได้ จึงไม่ควรประมาท ยืนยันว่าไม่มีใครคัดค้านการลงทุนขนาดใหญ่ แต่เรามั่นใจว่าสามารถทำได้โดยไม่ต้องกู้แต่ทำในระบบงบประมาณที่มีความโปร่งใสได้มากกว่า จึงไม่เห็นด้วยที่จะไปกู้เงินจำนวนมหาศาลมาลงทุนในขณะที่สามารถลดโครงการประชานิยม การใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย การทุจริต และนำระบบงบประมาณมาลงทุนตรงนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่รัฐบาลอ้างว่าจำเป็นต้องกู้เงินจำนวนมหาศาลมาลงทุนจะคุ้มค่ากับการที่ประชาชนต้องเป็นหนี้ยาวนานถึง 50 ปี หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากการบริหารเป็นไปแบบเงินกู้ 3.5 แสนล้าน หรือกรณีที่รัฐบาลมักขอเช็คเปล่า เช่น งบกลาง ก็ยากที่จะคุ้ม เพราะเราเห็นปัญหามาแล้วว่าทั้งประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการใช้เงินมีน้อยมาก
ส่วนกรณีที่รัฐบาลเตรียมที่จะจัดนิทรรศการโครงการมิยาซาว่าเพื่อโจมตีการบริหารของพรรคประชาธิปัตย์ในยุครัฐบาลชวน 2 นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นความพยายามเอาเรื่องการเมืองมา ทั้งที่เรากำลังพูดถึงอนาคตของบ้านเมือง แต่ไม่มีปัญหาเพราะเรื่องในอดีตทุกคนก็พร้อมที่จะชี้แจงอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในการพิจารณาของ ครม.สัปดาห์หน้า อยากให้มีการทบทวนการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านลัานบาท เพราะมีเสียงท้วงจากหลายฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายค้าน จึงอยากให้ย้อนกลับไปในช่วงต้นของรัฐบาลที่เคยมีการเตือนเรื่องจำนำข้าว รัฐบาลก็พยายามโต้แย้ง แต่ 1 ปีกว่าผ่านไปคำเตือนเหล่านั้นเป็นจริงเกือบทั้งหมด จึงอยากให้เข้าใจว่าคำเตือนเป็นไปด้วยความหวังดี ไม่ใช่ต้องการสร้างปัญหาทางการเมืองล้มล้างรัฐบาล ขอให้รัฐบาลรับฟังและทบทวน แต่ถ้า ครม.ผ่าน พ.ร.บ.ดังกล่าวในส่วนของพรรคก็ต้องดูเนื้อหาของกฎหมายว่าร่างสุดท้ายเป็นอย่างไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในหลักการยังเห็นว่าการออกกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจำนวนมากไม่ตรงต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนและสามารถที่จะใช้ระบบงบประมาณตามปกติได้ เพราะหลักของรัฐธรรมนูญกำหนดให้กระบวนการใช้จ่ายเงินภาครัฐควรสนับสนุนให้อยู่ในระบบงบประมาณที่ผู้แทนของปวงชนชาวไทยตรวจสอบได้