“อภิสิทธิ์” ชี้เป็นสิทธิกลุ่ม ปชช.ชุมนุมปมพระวิหาร ยกโพลระบุ รบ.ไร้ความเชื่อมั่นแก้ปัญหา ปลุกแสดงความุ่งมั่นรักษาอธิปไตย พร้อมดูแลความสัมพันธ์กัมพูชา แนะเห็นไม่ตรงกันต้องชูจุดยืนแบบสันติ ไม่กระทบศาลโลกช่วงพิพากษา อย่าอ้างซี้ “ฮุน เซน” บังหน้า ย้อนเคยคุมเข้มการค้าไร้ปัญหา บี้ รมว.กต.อย่าเอาธุรกิจนายใหญ่มาปนผลประโยชน์ประเทศ โต้เขมรกล่าวหารุกราน จวก “แม้ว-นพดล” เล่นการเมืองไม่สนประเทศ
วันนี้ (20 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการชุมนุมคัดค้านการตัดสินคดีปราสาทเขาพระวิหารของศาลโลกในวันที่ 21 ม.ค.นี้ว่า เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญเพราะคนที่มาก็มาด้วยความห่วงใยในเรื่องของดินแดน จึงขอให้ทุกฝ่ายรับฟังซึ่งกันและกัน ไม่อยากให้เกิดความแตกสามัคคีขอให้ทุกคนมองว่าคนที่ทำงานเพื่อปกป้องอธิปไตยหรือรักษาดินแดนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ความเห็นอาจแตกต่างกันบ้าง แต่ตัวรัฐบาลต้องแสดงออกถึงความมุ่งมั่น ความเข้มแข็งในการทำหน้าที่ด้วย เพราะเสียงสะท้อนจากผลสำรวจความเห็นประชาชนของนิด้าโพล์ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ว่าประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล เพราะจากท่าทีของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ รวมถึงรัฐบาลในการตอบกระทู้ถามที่มีจุดยืนไม่ตอบโต้กัมพูชาที่กล่าวหาว่าไทยรุกรานอธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้ตนเห็นว่าปล่อยผ่านไปไม่ได้ ยังยืนยันว่ารัฐบาลไทยต้องมีหนังสือตอบโต้ไป เพราะการรักษาสิทธิประเทศไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เป็นการแสดงจุดยืนเพื่อรักษาสิทธิที่สามารถทำได้ โดยต้องคิดว่ากัมพูชาได้แสดงท่าทีที่กระทบกระเทือนมาถึงไทย เราสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีควบคู่ไปกับการรักษาสิทธิและอธิปไตยของไทยด้วยต้องอยู่บนความพอดี
“การรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างความสัมพันธ์ที่ดีกับการรักษาอธิปไตยของชาติ เพราะไม่ได้มีความขัดแย้งกัน แต่ความสัมพันธ์ที่ดีต้องอยู่บนพื้นฐานการให้เกียรติ เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ถ้าเห็นไม่ตรงกันก็แสดงจุดยืนได้ด้วยวิธีสันติ เราไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไปใช้กำลังแต่บอกว่ารัฐบาลต้องเข้มแข็งในการแสดงจุดยืน โดยเฉพาะในระหว่างที่คดีอยู่ในการพิจารณาของศาลโลก จะต้องไม่แสดงออกในสิ่งที่จะกระทบกระเทือนต่อคำวินิจฉัยของศาลโลก ผมคิดว่าการที่รัฐบาลยกเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชาขึ้นมานั้นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เพราะในรัฐบาลที่แล้วแม้จะมีการรักษาอธิปไตยอย่างเข้มแข็ง แต่การค้าแนวชายแดนก็เพิ่มพูนขึ้นมากในระหว่างไทย-กัมพูชา รวมถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความช่วยเหลือต่างๆ ไม่หยุดชะงักแต่เดินหน้าต่อในทุกโครงการ มีแต่ประเด็นที่เราต้องตอบโต้เมื่อเขาใช้กำลังโจมตีไทยเท่านั้น” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวด้วยว่า จนถึงขณะนี้คิดว่า รมว.ต่างประเทศยังขาดความเข้าใจและไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเดินหน้าคดีว่าจะทำอย่างไร ตนจึงเรียกร้องว่าต้องเอาเรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง ผลประโยชน์ทางธุรกิจออกไปก่อน และเอาเรื่องผลประโยชน์ของชาติมาเป็นตัวตั้ง ถ้าทำแบบนี้เชื่อว่าคนทุกกลุ่มจะสนับสนุนรัฐบาลในการต่อสู้เรื่องนี้ แต่ถ้าเป้าหมายไม่มีความชัดเจนตนมีความเป็นห่วงมากว่าจะทำให้ไทยเสียเปรียบมากขึ้น เพราะการไม่แสดงจุดยืนเช่นไม่ตอบโต้ประท้วงคำพูดที่กล่าวหาว่าไทยรุกรานดินแดนของกัมพูชา ตนยืนยันว่ารัฐบาลต้องรีบทำโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นไทยจะเสียเปรียบ และไม่มีเหตุผลที่ไทยจะไม่ทำเรื่องนี้ด้วย เพราะทำแล้วไม่ได้กระทบความสัมพันธ์อะไรแต่เป็นการแสดงจุดยืนในการรักษาสิทธิของประเทศ โดยสามารถทำเป็นหนังสือไปถึงกัมพูชาให้เป็นหลักฐานได้ แต่ถ้าท่าทียังเป็นแบบนี้ตนก็เป็นห่วงมาก เพราะทั้งท่าทีของ รมว.ต่างประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พยายามที่จะเอาเงื่อนไขทางการเมืองเข้ามามากกว่าที่จะสนใจในเรื่องการต่อสู้เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ